คืนสุดท้ายของสืบ นาคะเสถียร

31-08-18-21

ก่อนเสียชีวิตไม่นาน

27 สิงหาคม 2533

สุรชัย  ท้วมสมบูรณ์  เพื่อนสนิทคนหนึ่งได้ไปหาสืบที่ป่าห้วยขาแข้ง

เมื่อเพื่อนเชิญมาขอคำปรึกษาบางอย่าง

สุรชัยจำได้ว่า

“ เขาเอารายงานที่จะเสนอให้ห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลกให้ผมดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ผมก็อ่าน บอกดีมาก เขาก็ถามว่าจะให้เพิ่มเติมอะไรไหม

ผมก็ว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว ผมว่าเขาน่าจะเครียด  ตอนเย็นเขาก็ไปส่งผมที่ตลาด

ผมกำลังจะขึ้นรถเขาก็ดึงมือผมไว้แล้วก็บอกว่า เฮ้ยอยู่ก่อนไม่ได้เหรอมีเรื่องจะคุย

ผมก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวก็มาใหม่ เขาก็ปล่อยมือผม

ปล่อยแบบมือตกไปเลยคล้ายๆกับคนสิ้นหวัง”

รายงานทางวิชาการคุณค่าของป่าแห่งนี้เพื่อนำเสนอให้ยูเนสโก

พิจารณาให้ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นมรดกโลก ได้เสร็จสมบูรณ์ลงแล้ว

และกลายเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่สุดของสืบ ที่ทิ้งไว้ให้กับคนไทยทั้งประเทศ

29 สิงหาคม 2533

สุนทร  ฉายวัฒนะ ลูกน้องคนสนิทเล่าให้ฟังว่า

“ ผมจำได้ว่าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจับคนล่าสัตว์

เป็นเนื้อส้มค่างเหมือนเป็นปลาร้าใส่ถุงปุ๋ยและถุงพลาสติกประมาณแปดสิบกิโล

อีกส่วนหนึ่งคืออวัยวะเพศของค่างร้อยเป็นพวง

และย่างรมควันอีกสองพวงเป็นข้อมือของข้างร้อยเป็นสองพวงใหญ่ๆ จำนวนมากเหมือนกัน

หัวหน้าสืบเห็นก็นิ่งอึ้งเลยน้ำตาไหลอาบสองข้าง

แล้วพูดกับคนล่าสัตว์ด้วยความโมโหสุดขีดว่า  ไปล่ามันทำไม”

30 สิงหาคม 2533

ยงยุทธ  มีแสงพราว  อดีตผู้ช่วยหัวหน้าเขตฯ ย้อนความหลังให้ฟังว่า

“วันที่ 30 สิงหา เป็นวันประชุมของหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดอุทัยธานี

พี่สืบมาประชุมพร้อมผมพอประชุมเสร็จ

แกไปปิดบัญชีถอนเงินออกมาหมดไม่กี่พันบาท เอาไปให้ลูกน้องหมด

พอวันที่ 31 ตอนเช้าเป็นวันศุกร์หลังจากคุยงานเสร็จ

แกก็บอกฝากของจ่าหน้าซองถึงคนที่เชียงใหม่

แกว่าตอนแรกจะไปพูดที่เชียงใหม่ แต่เปลี่ยนใจไม่ไป ฝากส่งของให้ด้วย”

เพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยถามสืบว่า ทำไมเขาถึงต้องทำงานหนักอย่างนี้

ทำไมเราต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆโดยไม่มีความหวังอันใด สืบบอกว่า

“เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเราจะเพิกเฉยไม่ได้”

31 สิงหาคม 2533

เช้าวันที่ 31 สิงหาคม สืบ นาคะเสถียร อยู่ในชุดกางเกงสีครีม

สวมเสื้อสีส้มอ่อน ๆ เดินขึ้นไปบนสำนักงาน เขียนหนังสือและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

สั่งลูกน้องให้ไปซื้อศาลพระภูมิมาไว้ที่นี่พรุ่งนี้

จนกระทั่งตกบ่าย สืบเริ่มเอาสิ่งของที่เคยยืมมาไปคืนเจ้าของ

และมอบแผนที่แสดงตำแหน่งร้านค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายในจังหวัดอุทัยธานีฝากให้กองอนุรักษ์สัตว์ป่า

ประมาณห้าโมงเย็นสืบเดินมาชวนลูกน้องคนสนิทสองสามคนนั่งกินเหล้าที่ศาลากินข้าว

หม่อมซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับสืบ  ได้ถ่ายทอดบรรยากาศขณะนั้นให้ฟังว่า

“มาถึงแกก็บอกว่าเอาเหล้ามากินกัน

กินไปคุยไปจนประมาณสองทุ่มแกบอกให้พี่ยงยุทธ

วิทยุไปที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ย้ำว่าไม่ไปแล้ว จะส่งวิดีโอไปให้แทน

จนประมาณห้าทุ่มผมก็ขอแยกตัวไปเข้าเวร สักประมาณครึ่งชั่วโมง

พี่สืบก็เดินตามออกมาขอบุหรี่สูบ และนั่งคุยกับยามถามทุกข์สุข ซึ่งก็แปลก

เพราะยามคนนี้ทำงานมานานแล้ว แต่แกถามเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน

ก็แปลกใจว่าทำไมจู่ๆ มาถาม คุยซักพักยามคนนั้นเขาก็ขอตัว

เหลือแต่ผมกับพี่สืบที่คุยกันต่ออีกถ้าจำไม่ผิดคือแกจะถามเรื่องคนงานว่าเป็นอย่างไร

บายดีไหม เราจะหาทางช่วยเหลือคนพวกนี้อย่างไร

ประมาณเที่ยงคืนพี่สืบก็บอกผมว่า ให้ยามดับไฟได้แล้วนะ เขาจะกลับบ้าน

ผมบอกว่าจะไปส่ง แกบอกไม่เป็นไร พี่เดินไปได้

แกเดินไปซักสี่ห้าก้าวและหันกลับมาโบกมือเหมือนบอกลาและยิ้มให้ผม

เหมือนกับคนที่มีความสุขที่สุด

พร้อมกับยกมือขึ้นแล้วบอกว่า หม่อม พี่ไปแล้วนะ

เป็นรอยยิ้มที่ผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้”

1 กันยายน 2533

ประมาณตีสี่ของวันที่ 1 กันยายน 2533 ยามในป่าห้วยขาแข้งได้ยินเสียงปืนนัดหนึ่ง

แต่ไม่ได้คิดอะไร ในป่าแห่งนี้ทุกคืน จะได้ยินเสียงปืนเป็นเรื่องธรรมดา

จนประมาณสิบโมงเช้า เจ้าหน้าที่เริ่มแปลกใจว่าหัวหน้าสืบยังไม่ลงมากินข้าว

หม่อมจึงอาสาเดินไปตาม ไปส่องดูที่หน้าต่างกระจก

เห็นพี่สืบนอนคว่ำหน้า ยังคิดว่าแกไม่สบาย แต่เมื่อไขกุญแจบ้านเข้าไป

เขาพบร่างที่ไร้ลมหายใจของหัวหน้าสืบอยู่บนเตียง

ปืนพกที่บิดาให้สืบมาป้องกันตัว แต่กลายเป็นปืนที่ยิงตัวตายตกอยู่ข้างเตียง

มีแผ่นกระดาษบนโต๊ะเขียนข้อความไว้ว่า

images

“ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น”

ลงชื่อ  สืบ นาคะเสถียร  ผู้ตาย

(นายสืบ นาคะเสถียร)

31ส.ค. 33

กระดาษอีกแผ่นหนึ่งมีข้อความว่า

ยงยุทธ

ถุงกอล์ฟ รองเท้ากอล์ฟ กล่องของของน้ำฝน(ลูกสาว-ผู้เขียน) กระเป๋าเอกสาร กล่องใส่เอกสาร หลักฐานต่าง ๆ กระเป๋า กุญแจบ้าน…กุญแจรถ กระเป๋าดำ สารคดี  ขอให้คุณยงยุทธนำคืนพร้อมรถโฟล์กให้แก่พ่อของผมด้วย โดยติดต่อคุณสลับ นาคะเสถียร 17 หมู่ 12 ถนนปราจีนอนุสร์ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โทร. ป.จ. 037-211483 ทุกเวลา

สืบ นาคะเสถียร

31 สค. 33

ปล. กระเป๋าสตางค์ และของพี่ฝากไว้กับหม่อม

สืบ นาคะเสถียร

02.00/1 ก.ย. 33

หลังจากเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายเสร็จ หลังจากนั้นสองชั่วโมง สืบจึงตัดสินใจยิงตัวตาย

หม่อมผู้เจอศพคนแรกเล่าว่า

“พี่สืบหน้าตาสดใส สงบ เหมือนนอนหลับ

ผ้าปูที่นอนเรียบ ไม่บ่งบอกสภาพอันทุรนทุราย”

สืบรู้ตัวดีว่า สักวันหนึ่งเขาอาจจะถูกยิงตาย

เขามีค่าหัวจากการบงการของผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย

สืบรู้ตัวดีว่า สักวันหนึ่งลูกน้องของเขาซึ่งเขาเป็นคนส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่

ต้องถูกยิงตายอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีใครสนใจ สืบไม่ใช่คนกลัวตาย

แต่ทนไม่ได้ที่ลูกน้องเขาต้องตายไปต่อหน้า โดยที่เขาไม่อาจทำอะไรได้

สืบมีความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น

ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้สัตว์ป่าและป่าไม้ในป่าห้วยขาแข้งอยู่รอด

เมื่อความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อห้วยขาแข้งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากระบบราชการ

และผู้มีอำนาจในเมืองไทย ที่ไม่เคยสนใจปัญหาการทำลายธรรมชาติอย่างจริงจัง

และปล่อยให้สืบเผชิญปัญหาตามลำพัง

เขาเคยปรึกษาแม่ว่าจะลาออกและไปบวช แต่เขาก็ไม่ลาออก

การลาออกเป็นการทรยศต่อตัวเอง ทรยศต่อห้วยขาแข้ง และทรยศต่อลูกทีมของเขา

แต่การมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่สามารถทำให้ความมุ่งมั่น ความเชื่อของเขาเป็นจริงได้

สืบ นาคะเสถียร เป็นคนไม่เคยทรยศต่อหลักการ และความมุ่งมั่นของตัวเอง

สืบ เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก เมื่อทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุดตามความฝันของตัวเอง

บางทีการตั้งใจฆ่าตัวตาย

อาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่ทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมาได้

Seub-Nakhasathien-Day

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s