“จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ…”
ผมรู้จักบทเพลงนี้ของ จิตร ภูมิศักดิ์ นักวิชาการ กวี คนสำคัญของประเทศมายาวนานแล้ว แต่เพิ่งเข้าใจความรู้สึกจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ผมและภรรยา(ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์) ได้กลับมาฟื้นฟูผืนนาในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่ซื้อไว้นานนับ 10 ปีแล้วอย่างจริงจัง โดยออกแบบผืนนาหลายสิบไร่ให้มีสภาพเป็นทุ่งน้ำและไร่นาเกษตรอินทรีย์ เรียกว่าทุ่งน้ำนูนีนอย เพื่อหวังให้เป็นศูนย์ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับธรรมชาติภายใต้พลังดอยหลวงเชียงดาว ท่ามกลางนาระบบเหมืองฝายโบราณ และปล่อยให้ธรรมชาติและสัตว์ป่าฟื้นตัวขึ้นมาเอง เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ผลิตอาหาร
เราแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งตั้งใจให้เป็นที่ปลูกข้าว อำเภอเชียงดาวเป็นพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของชาวเชียงใหม่ โดยเฉพาะข้าวมาช้านาน
ที่ผ่านมาแปลงนาแห่งนี้ได้อนุญาตให้ชาวบ้านแถวนั้นทำนาโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า โดยมีข้อตกลงว่าไม่อยากให้ใช้สารเคมี แต่ในความเป็นจริง เราไม่มีทางทราบว่าพวกเขาใช้สารเคมีหรือไม่
3 ปีที่ผ่านมาเราจึงเริ่มจริงจังกับการทำนาอินทรีย์ โดยตั้งใจลงมาดูแลเอง เริ่มต้นด้วยการพักและฟื้นฟูดิน ไม่มีการทำนาหรือปลูกพืชใดๆ ก่อน
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องพักดิน ที่นาแถวนี้เคยผ่านการทำนาด้วยเคมีมาหลายสิบปี คุณภาพดินแย่มาก แข็ง เหนียว แตกระแหง เพราะผ่านการใช้งานอย่างหนัก เปรียบเทียบกับร่างกายเราก็ทรุดโทรมเหลือเกิน ร่างกายไม่เคยหยุดพัก
เมื่อผืนดินถูกใช้งานหนักจากการปลูกพืชมายาวนาน ดูดซับแร่ธาตุในดินจนร่อยหรอ และยังถูกบดทับด้วยรถไถ รถเกี่ยวข้าว จนดินอัดแน่น ไม่ร่วนซุยเหมือนแต่ก่อน ผืนดินที่ใช้งานมานานก็ไม่ต่างจากร่างกายของเรา ควรจะได้รับการพักผ่อน ให้ร่างการซ่อมแซมและบำรุงตนเองก่อนจะกลับมาใช้งานอีก
เราใช้เวลาปีกว่าๆ พักฟื้นดินปล่อยให้ธรรมชาติบำบัดตัวเอง ไม่ปลูกพืชเกษตรอะไร ยกเว้นปลูกพืชตระกูลถั่ว โสน ปอเทือง พอต้นโตขึ้นก็ไถกลบ เป็นการเพิ่มแร่ธาตุไนเตรตให้กับดิน เราเชื่อว่าผืนดินจะเยียวยาตัวเอง หากไม่ไปรบกวน เหมือนร่างกายเรา เมื่อได้รับการพักผ่อนและกินอาหารบำรุงก็จะฟื้นตัวเองในไม่ช้า ธรรมชาติสามารถเยียวยาทุกอย่างได้ หากเรารู้จักการรอคอยอย่างอดทน
จนเมื่อหน้าฝนที่ผ่านมา เมื่อดินได้พักฟื้นมีแร่ธาตุตามธรรมชาติเต็มที่ เราก็เริ่มปล่อยน้ำเข้าที่นา เอาเมล็ดข้าวที่เตรียมไว้หว่านลงบนที่นา เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ต้นกล้าข้าวสีเขียวอ่อนก็งอกงามเต็มแปลงนา ระหว่างนั้นเราปล่อยน้ำเข้านาที่เตรียมปลูกข้าว และ ปอ พ่อบ้านคนสำคัญก็ใช้คราดไถนาพลิกดินไปมาให้ร่วนซุย และไถหญ้าและวัชพืชจมน้ำเป็นปุ๋ยธรรมชาติ
พอต้นกล้าอายุได้พอเหมาะ รอง แม่บ้านคนสำคัญจะนำชาวไทยใหญ่มาช่วย เริ่มด้วยการมัดต้นกล้ารวมกัน ขนย้ายมาบนผืนนาที่ไถคราดแล้ว พวกเราจะช่วยกันปักดำนาหรือปลูกกล้าลงผืนนาจนเต็ม จากนี้ไป เราปล่อยให้ต้นข้าวเจริญงอกงามเอง โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าชนิดต่างๆ
ปอบอกเราว่าศัตรูข้าวสำคัญคือหอยเชอรี่ แต่หลายปีที่ผ่านมาละแวกนี้มีนกปากห่างมาหากินอยู่จำนวนมาก และอาหารโปรดคือหอยเชอรี่ แต่ละวันเราเห็นนกปากห่างบินลงมาตามบึงน้ำและท้องนา เพื่อจิกหาหอยเชอรี่กินเป็นอาหาร จนทุกวันนี้ ที่นาของเราแทบไม่เห็นไข่สีชมพูของหอยเชอรี่เกาะตามต้นข้าวเหมือนเดิมอีก เรียกได้ว่าการพึ่งพาตามธรรมชาติ ทำให้หอยเชอรี่ศัตรูตัวฉกาจของต้นข้าววัยอ่อนหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปราบศัตรูพืชอีกต่อไป
เราจะพยายามให้ผืนดินแห่งนี้ปลูกข้าวโดยปราศจากพิษใดๆ
3 เดือนผ่านไป ต้นข้าวอินทรีย์มีความสูงใกล้เคียงกับแปลงนาแถวนั้นที่ให้ปุ๋ยเคมี สร้างความแปลกใจให้กับรองและปอ สองสามีภรรยาที่ปลูกข้าวเคมีมาตลอดชีวิต และไม่เคยคิดว่าข้าวอินทรีย์จะให้ผลผลิตได้งามไม่แพ้ข้าวที่ใส่ปุ๋ยเคมี
“ต้นข้าวสูงจริงๆ และลำต้นอวบแน่นเหมือนกับที่ผมปลูกแบบใช้ยาเลย”
ปอ นักปลูกข้าวมืออาชีพแบบใช้ปุ๋ยเคมีแปลกใจมาก เพราะเขาไม่เคยเชื่อว่านาข้าวอินทรีย์จะได้ผลจริง
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าปัญหาวิกฤตวงจรไนโตรเจนจากปุ๋ยเคมีการเกษตรเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เมื่อสารเคมีเหล่านี้ไหลลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ ไม่ว่าลำธาร หนองบึง แม่น้ำ ไหลสู่ท้องทะเล จนมีปริมาณสะสมมากขึ้น กระตุ้นให้สาหร่าย วัชพืช และจุลินทรีย์บางชนิด โดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวเพิ่มขึ้น แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว น้ำกลายเป็นสีเขียว เกิดน้ำเน่าเสีย เพราะออกซิเจนในน้ำมีน้อย ทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตายหมด
เร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์พบว่ามันรุนแรงยิ่งกว่านั้น ปุ๋ยเคมีในพื้นที่เกษตรปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากสู่บรรยากาศโดยตรง
ไม่นานข้าวเริ่มออกรวงข้าว เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามทั้งผืนนา เราสังเกตเห็นด้วงเต่ามาเกาะบนรวงข้าว ช่วยกินเพลี้ยชนิดต่างๆ ศัตรูข้าวตัวสำคัญ เมื่อผืนนาปราศจากสารเคมี แมลงตัวน้อยๆ ที่เคยหายไปในธรรมชาติก็กลับคืนมา และช่วยกินแมลงศัตรูพืช ทำหน้าที่ตามระบบนิเวศโดยไม่จำเป็นต้องพ่นยาฆ่าแมลง
พอรวงข้าวมีเมล็ดข้าวเต็มรวง ยั่วยวนให้นกนานาชนิดมากินข้าว ดร.อ้อย เกลอแก้วตลอดชีวิต จึงมีความคิดว่าแทนที่จะมีหุ่นไล่กา ก็ไปซื้อว่าวเหยี่ยวขนาดยักษ์มาปักไว้กลางท้องนา เวลาลมพัด ว่าวจะพลิ้วไปตามลม ราวกับเหยี่ยวตัวใหญ่ ทำเอาฝูงนกที่กำลังกินข้าวบินหนีแตกกระเจิง
ปลายฝนต้นหนาวฤดูเกี่ยวข้าวมาแล้ว เมื่อรวงมีเมล็ดข้าวอวบอูมเต็มที่ ทุกวันนี้ชาวนาทั่วไปจะจ้างรถเกี่ยวข้าวเพื่อเป็นการประหยัดเวลาและทุ่นแรง แต่ที่นาอินทรีย์ของเราจ้างแรงงานชาวบ้านแทนการใช้เครื่องจักร แม้ว่าต้นทุนแบบนี้จะแพงกว่า แรงงานเหล่านี้เป็นชาวบ้านเชื้อสายไทยใหญ่ มารับจ้างทั่วไปแถวนี้มานานแล้ว เราให้มาช่วยเกี่ยวข้าวในแปลงนาข้าวอินทรีย์ ด้วยค่าแรงที่ยิ้มออกทุกฝ่าย
เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าการกระจายรายได้ให้ชาวบ้านยากจนมากกว่า 10 ครัวเรือน เพราะหากใช้รถเกี่ยวข้าว ผลประโยชน์จะตกแก่เจ้าของรถเพียงคนเดียว และที่สำคัญคือรถเกี่ยวข้าวน้ำหนักมาก เมื่อขับไปบนท้องนาจะทำลายหน้าดินและคันนาทุกครั้ง และเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวได้น้อยกว่าแรงงาน
อาจจะเหลือแปลงนาไม่มากที่ยังใช้แรงงานคนเกี่ยวข้าวแทนเครื่องจักร เมื่อตั้งใจจะทำเกษตรอย่างจริงจัง ความรับผิดชอบต่อสังคมผู้คนรอบข้างน่าจะเริ่มต้นไปพร้อมกัน แล้วในที่สุด ข้าวอินทรีย์จากท้องนาของเราก็เป็นจริง
เราลงทุนซื้อเครื่องสีข้าวเอง ไม่อยากให้ข้าวอินทรีย์ปนเปื้อนกับเครื่องสีข้าวของคนอื่น และเมื่อพบว่าเครื่องกะเทาะเปลือกเมล็ดข้าวทั้งหมดทำด้วยเหล็กจนเป็นสนิม เราจึงเปลี่ยนเป็นสเตนเลสแทน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ความมั่นคงทางอาหารได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ผลิตผลต่อไร่เปรียบเทียบกับข้าวที่ใช้สารเคมีจะสู้ไม่ได้ และต้นทุนการผลิตสูงกว่า แต่เราก็อดทนที่จะสร้างอาหารมีคุณภาพให้กับโลกนี้ ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
ภรรยา เคยเขียนไว้ว่า
“ในความเป็นจริงเกษตรกรทำงานสองบทบาท 1) เป็นผู้ผลิตอาหาร และ 2) เป็น land manager — ผู้จัดการที่ดินที่สร้างผลกระทบสัมพันธ์กับการบริการทางนิเวศและสุขภาวะสาธารณะ เกษตรกรจึงควรมีรายได้จากงานทั้งสองบทบาท ถ้าต้องใช้เวลาดูแลดินแทนเผา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่เขาสูญเสียรายได้ในการเร่งผลิตพืชอาหาร เขาก็ควรมีรายได้จากการดูแลที่ดินให้ดูดซับคาร์บอนแทนปล่อยคาร์บอนและหมอกควันพิษ
ถ้าเขาเว้นแนวพงพืชธรรมชาติริมแหล่งน้ำ เป็นแนวตะเข็บกันชนปกป้องชายน้ำจากมลภาวะชะล้างลงมา และเป็นที่พักพิงของสัตว์
(ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัญหาใหญ่มากๆ) เขาก็ควรได้ค่าดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่อยากจะเรียกว่าค่าชดเชย เสมือนว่าคุณค่าทางเศรษฐกิจมีแค่การผลิตอาหารขาย แต่คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ทุกๆ ชีวิตพึ่งพากลับไม่มีค่าพอที่จะเอามาคิดบัญชี เป็นได้เพียงค่าปลอบใจ
การมองเกษตรกรเป็นคนทำงานทั้งสองบทบาทควบคู่กันไป ยังเป็นการให้เกียรติมองเห็นคุณค่าและความสามารถหลายด้านที่เกษตรกรพึงมีมากกว่าเป็นเพียงแรงงานขุดดินเก็บพืชผลแนวทางนี้ยังจะช่วยรักษาราคาอาหารคุณภาพดีไม่ให้แพงเกินไป
เพราะไม่ต้องรวมค่าดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งหมดลงไปในค่าอาหารด้วย”
มีคนเคยเตือนว่า ระยะแรก การทำเกษตรอินทรีย์ต้องใช้ความอดทนและยากลำบากมาก
เราจะอดทนต่อไป ตราบใดที่ยังมีความสามารถ เงินทุนและเรี่ยวแรง
“เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเปิบกิน”
ปลูกข้าวอินทรีย์ ไม่ง่าย แต่…
Posted on April 7, 2021 by vanchaitan
Leave a Comment
“จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ…”
ผมรู้จักบทเพลงนี้ของ จิตร ภูมิศักดิ์ นักวิชาการ กวี คนสำคัญของประเทศมายาวนานแล้ว แต่เพิ่งเข้าใจความรู้สึกจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ผมและภรรยา(ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์) ได้กลับมาฟื้นฟูผืนนาในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่ซื้อไว้นานนับ 10 ปีแล้วอย่างจริงจัง โดยออกแบบผืนนาหลายสิบไร่ให้มีสภาพเป็นทุ่งน้ำและไร่นาเกษตรอินทรีย์ เรียกว่าทุ่งน้ำนูนีนอย เพื่อหวังให้เป็นศูนย์ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับธรรมชาติภายใต้พลังดอยหลวงเชียงดาว ท่ามกลางนาระบบเหมืองฝายโบราณ และปล่อยให้ธรรมชาติและสัตว์ป่าฟื้นตัวขึ้นมาเอง เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ผลิตอาหาร
เราแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งตั้งใจให้เป็นที่ปลูกข้าว อำเภอเชียงดาวเป็นพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของชาวเชียงใหม่ โดยเฉพาะข้าวมาช้านาน
ที่ผ่านมาแปลงนาแห่งนี้ได้อนุญาตให้ชาวบ้านแถวนั้นทำนาโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า โดยมีข้อตกลงว่าไม่อยากให้ใช้สารเคมี แต่ในความเป็นจริง เราไม่มีทางทราบว่าพวกเขาใช้สารเคมีหรือไม่
3 ปีที่ผ่านมาเราจึงเริ่มจริงจังกับการทำนาอินทรีย์ โดยตั้งใจลงมาดูแลเอง เริ่มต้นด้วยการพักและฟื้นฟูดิน ไม่มีการทำนาหรือปลูกพืชใดๆ ก่อน
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องพักดิน ที่นาแถวนี้เคยผ่านการทำนาด้วยเคมีมาหลายสิบปี คุณภาพดินแย่มาก แข็ง เหนียว แตกระแหง เพราะผ่านการใช้งานอย่างหนัก เปรียบเทียบกับร่างกายเราก็ทรุดโทรมเหลือเกิน ร่างกายไม่เคยหยุดพัก
เมื่อผืนดินถูกใช้งานหนักจากการปลูกพืชมายาวนาน ดูดซับแร่ธาตุในดินจนร่อยหรอ และยังถูกบดทับด้วยรถไถ รถเกี่ยวข้าว จนดินอัดแน่น ไม่ร่วนซุยเหมือนแต่ก่อน ผืนดินที่ใช้งานมานานก็ไม่ต่างจากร่างกายของเรา ควรจะได้รับการพักผ่อน ให้ร่างการซ่อมแซมและบำรุงตนเองก่อนจะกลับมาใช้งานอีก
เราใช้เวลาปีกว่าๆ พักฟื้นดินปล่อยให้ธรรมชาติบำบัดตัวเอง ไม่ปลูกพืชเกษตรอะไร ยกเว้นปลูกพืชตระกูลถั่ว โสน ปอเทือง พอต้นโตขึ้นก็ไถกลบ เป็นการเพิ่มแร่ธาตุไนเตรตให้กับดิน เราเชื่อว่าผืนดินจะเยียวยาตัวเอง หากไม่ไปรบกวน เหมือนร่างกายเรา เมื่อได้รับการพักผ่อนและกินอาหารบำรุงก็จะฟื้นตัวเองในไม่ช้า ธรรมชาติสามารถเยียวยาทุกอย่างได้ หากเรารู้จักการรอคอยอย่างอดทน
จนเมื่อหน้าฝนที่ผ่านมา เมื่อดินได้พักฟื้นมีแร่ธาตุตามธรรมชาติเต็มที่ เราก็เริ่มปล่อยน้ำเข้าที่นา เอาเมล็ดข้าวที่เตรียมไว้หว่านลงบนที่นา เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ต้นกล้าข้าวสีเขียวอ่อนก็งอกงามเต็มแปลงนา ระหว่างนั้นเราปล่อยน้ำเข้านาที่เตรียมปลูกข้าว และ ปอ พ่อบ้านคนสำคัญก็ใช้คราดไถนาพลิกดินไปมาให้ร่วนซุย และไถหญ้าและวัชพืชจมน้ำเป็นปุ๋ยธรรมชาติ
พอต้นกล้าอายุได้พอเหมาะ รอง แม่บ้านคนสำคัญจะนำชาวไทยใหญ่มาช่วย เริ่มด้วยการมัดต้นกล้ารวมกัน ขนย้ายมาบนผืนนาที่ไถคราดแล้ว พวกเราจะช่วยกันปักดำนาหรือปลูกกล้าลงผืนนาจนเต็ม จากนี้ไป เราปล่อยให้ต้นข้าวเจริญงอกงามเอง โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าชนิดต่างๆ
ปอบอกเราว่าศัตรูข้าวสำคัญคือหอยเชอรี่ แต่หลายปีที่ผ่านมาละแวกนี้มีนกปากห่างมาหากินอยู่จำนวนมาก และอาหารโปรดคือหอยเชอรี่ แต่ละวันเราเห็นนกปากห่างบินลงมาตามบึงน้ำและท้องนา เพื่อจิกหาหอยเชอรี่กินเป็นอาหาร จนทุกวันนี้ ที่นาของเราแทบไม่เห็นไข่สีชมพูของหอยเชอรี่เกาะตามต้นข้าวเหมือนเดิมอีก เรียกได้ว่าการพึ่งพาตามธรรมชาติ ทำให้หอยเชอรี่ศัตรูตัวฉกาจของต้นข้าววัยอ่อนหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปราบศัตรูพืชอีกต่อไป
เราจะพยายามให้ผืนดินแห่งนี้ปลูกข้าวโดยปราศจากพิษใดๆ
3 เดือนผ่านไป ต้นข้าวอินทรีย์มีความสูงใกล้เคียงกับแปลงนาแถวนั้นที่ให้ปุ๋ยเคมี สร้างความแปลกใจให้กับรองและปอ สองสามีภรรยาที่ปลูกข้าวเคมีมาตลอดชีวิต และไม่เคยคิดว่าข้าวอินทรีย์จะให้ผลผลิตได้งามไม่แพ้ข้าวที่ใส่ปุ๋ยเคมี
“ต้นข้าวสูงจริงๆ และลำต้นอวบแน่นเหมือนกับที่ผมปลูกแบบใช้ยาเลย”
ปอ นักปลูกข้าวมืออาชีพแบบใช้ปุ๋ยเคมีแปลกใจมาก เพราะเขาไม่เคยเชื่อว่านาข้าวอินทรีย์จะได้ผลจริง
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าปัญหาวิกฤตวงจรไนโตรเจนจากปุ๋ยเคมีการเกษตรเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เมื่อสารเคมีเหล่านี้ไหลลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ ไม่ว่าลำธาร หนองบึง แม่น้ำ ไหลสู่ท้องทะเล จนมีปริมาณสะสมมากขึ้น กระตุ้นให้สาหร่าย วัชพืช และจุลินทรีย์บางชนิด โดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวเพิ่มขึ้น แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว น้ำกลายเป็นสีเขียว เกิดน้ำเน่าเสีย เพราะออกซิเจนในน้ำมีน้อย ทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตายหมด
เร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์พบว่ามันรุนแรงยิ่งกว่านั้น ปุ๋ยเคมีในพื้นที่เกษตรปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากสู่บรรยากาศโดยตรง
ไม่นานข้าวเริ่มออกรวงข้าว เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามทั้งผืนนา เราสังเกตเห็นด้วงเต่ามาเกาะบนรวงข้าว ช่วยกินเพลี้ยชนิดต่างๆ ศัตรูข้าวตัวสำคัญ เมื่อผืนนาปราศจากสารเคมี แมลงตัวน้อยๆ ที่เคยหายไปในธรรมชาติก็กลับคืนมา และช่วยกินแมลงศัตรูพืช ทำหน้าที่ตามระบบนิเวศโดยไม่จำเป็นต้องพ่นยาฆ่าแมลง
พอรวงข้าวมีเมล็ดข้าวเต็มรวง ยั่วยวนให้นกนานาชนิดมากินข้าว ดร.อ้อย เกลอแก้วตลอดชีวิต จึงมีความคิดว่าแทนที่จะมีหุ่นไล่กา ก็ไปซื้อว่าวเหยี่ยวขนาดยักษ์มาปักไว้กลางท้องนา เวลาลมพัด ว่าวจะพลิ้วไปตามลม ราวกับเหยี่ยวตัวใหญ่ ทำเอาฝูงนกที่กำลังกินข้าวบินหนีแตกกระเจิง
ปลายฝนต้นหนาวฤดูเกี่ยวข้าวมาแล้ว เมื่อรวงมีเมล็ดข้าวอวบอูมเต็มที่ ทุกวันนี้ชาวนาทั่วไปจะจ้างรถเกี่ยวข้าวเพื่อเป็นการประหยัดเวลาและทุ่นแรง แต่ที่นาอินทรีย์ของเราจ้างแรงงานชาวบ้านแทนการใช้เครื่องจักร แม้ว่าต้นทุนแบบนี้จะแพงกว่า แรงงานเหล่านี้เป็นชาวบ้านเชื้อสายไทยใหญ่ มารับจ้างทั่วไปแถวนี้มานานแล้ว เราให้มาช่วยเกี่ยวข้าวในแปลงนาข้าวอินทรีย์ ด้วยค่าแรงที่ยิ้มออกทุกฝ่าย
เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าการกระจายรายได้ให้ชาวบ้านยากจนมากกว่า 10 ครัวเรือน เพราะหากใช้รถเกี่ยวข้าว ผลประโยชน์จะตกแก่เจ้าของรถเพียงคนเดียว และที่สำคัญคือรถเกี่ยวข้าวน้ำหนักมาก เมื่อขับไปบนท้องนาจะทำลายหน้าดินและคันนาทุกครั้ง และเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวได้น้อยกว่าแรงงาน
อาจจะเหลือแปลงนาไม่มากที่ยังใช้แรงงานคนเกี่ยวข้าวแทนเครื่องจักร เมื่อตั้งใจจะทำเกษตรอย่างจริงจัง ความรับผิดชอบต่อสังคมผู้คนรอบข้างน่าจะเริ่มต้นไปพร้อมกัน แล้วในที่สุด ข้าวอินทรีย์จากท้องนาของเราก็เป็นจริง
เราลงทุนซื้อเครื่องสีข้าวเอง ไม่อยากให้ข้าวอินทรีย์ปนเปื้อนกับเครื่องสีข้าวของคนอื่น และเมื่อพบว่าเครื่องกะเทาะเปลือกเมล็ดข้าวทั้งหมดทำด้วยเหล็กจนเป็นสนิม เราจึงเปลี่ยนเป็นสเตนเลสแทน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ความมั่นคงทางอาหารได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ผลิตผลต่อไร่เปรียบเทียบกับข้าวที่ใช้สารเคมีจะสู้ไม่ได้ และต้นทุนการผลิตสูงกว่า แต่เราก็อดทนที่จะสร้างอาหารมีคุณภาพให้กับโลกนี้ ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
ภรรยา เคยเขียนไว้ว่า
“ในความเป็นจริงเกษตรกรทำงานสองบทบาท 1) เป็นผู้ผลิตอาหาร และ 2) เป็น land manager — ผู้จัดการที่ดินที่สร้างผลกระทบสัมพันธ์กับการบริการทางนิเวศและสุขภาวะสาธารณะ เกษตรกรจึงควรมีรายได้จากงานทั้งสองบทบาท ถ้าต้องใช้เวลาดูแลดินแทนเผา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่เขาสูญเสียรายได้ในการเร่งผลิตพืชอาหาร เขาก็ควรมีรายได้จากการดูแลที่ดินให้ดูดซับคาร์บอนแทนปล่อยคาร์บอนและหมอกควันพิษ
ถ้าเขาเว้นแนวพงพืชธรรมชาติริมแหล่งน้ำ เป็นแนวตะเข็บกันชนปกป้องชายน้ำจากมลภาวะชะล้างลงมา และเป็นที่พักพิงของสัตว์
(ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัญหาใหญ่มากๆ) เขาก็ควรได้ค่าดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่อยากจะเรียกว่าค่าชดเชย เสมือนว่าคุณค่าทางเศรษฐกิจมีแค่การผลิตอาหารขาย แต่คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ทุกๆ ชีวิตพึ่งพากลับไม่มีค่าพอที่จะเอามาคิดบัญชี เป็นได้เพียงค่าปลอบใจ
การมองเกษตรกรเป็นคนทำงานทั้งสองบทบาทควบคู่กันไป ยังเป็นการให้เกียรติมองเห็นคุณค่าและความสามารถหลายด้านที่เกษตรกรพึงมีมากกว่าเป็นเพียงแรงงานขุดดินเก็บพืชผลแนวทางนี้ยังจะช่วยรักษาราคาอาหารคุณภาพดีไม่ให้แพงเกินไป
เพราะไม่ต้องรวมค่าดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งหมดลงไปในค่าอาหารด้วย”
มีคนเคยเตือนว่า ระยะแรก การทำเกษตรอินทรีย์ต้องใช้ความอดทนและยากลำบากมาก
เราจะอดทนต่อไป ตราบใดที่ยังมีความสามารถ เงินทุนและเรี่ยวแรง
“เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเปิบกิน”
อภิสิทธิ์ของสื่อมวลชน
Posted on March 30, 2021 by vanchaitan
Leave a Comment
“ความน่าเชื่อถือคือหัวใจสำคัญของสื่อมวลชน ไม่ใช่ยอดกดไลก์ ยอดขายหรือเรตติ้ง เพราะความน่าเชื่อถือคือเกราะคุ้มครองศักดิ์ศรีของสื่อมวลชนที่ดีที่สุด และศักดิ์ศรีคือสมบัติชิ้นสุดท้ายของวิชาชีพนี้”
ประโยคดังกล่าวคือหัวใจสำคัญของการทำหน้าที่สื่อมวลชน แต่หลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนอาชีพนี้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด
Read Moreตรวจการบ้าน วาระแห่งชาติ PM 2.5
Posted on March 4, 2021 by vanchaitan
Leave a Comment
เป็นเวลาร่วมสิบปีแล้วที่ช่วงฤดูหนาวมาจนถึงฤดูร้อน ประชาชนจะต้องผจญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่เรียกว่า PM2.5 อย่างรุนแรง รัฐบาลดูจะไม่ให้ความสนใจกับปัญหาสุขภาพ ปล่อยให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง จนเมื่อโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สองปีที่ผ่านมารัฐบาลจึงได้ประกาศ pm2.5 เป็นวาระแห่งชาติอย่างเป็นทางการ ต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
โดยเน้น 3 มาตรการหลัก คือ
Read MoreUnseen Assumption
Posted on February 6, 2021 by vanchaitan
Leave a Comment
อัสสัมชัญได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1885 โดยบาทหลวงกอลมเบต์ชาวฝรั่งเศส โดยตั้งชื่อว่า College de L’ Assomption ด้วยจำนวนนักเรียน 33 คนมาจนถึงปัจจุบัน มีนักเรียนสำเร็จการศึกษามาห้าหมื่นกว่าคน จากเลขประจำตัวนักเรียนล่าสุด 58484
บาทหลวงกอลมเบต์ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแผ่นดินแม่ มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ บริเวณที่เรียกว่า บางรัก อันมีชุมชนชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกตั้งถิ่นอาศัยมาช้านาน และมีโบสถ์อัสสัมชัญเป็นศูนย์กลางในสมัยนั้น และต่อมาได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนอบรมสั่งสอนให้กับนักเรียนโดยไม่เลือกเชื้อชาติ ฐานันดร ศาสนา รวมถึงเด็กกำพร้าที่ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1885 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาโรงเรียนอัสสัมชัญ
Read Moreโรคระบาดคงอยู่กับเราไปเรื่อยๆ
Posted on February 2, 2021 by vanchaitan
Leave a Comment
ผู้คนจำนวนมากยังเชื่อว่า การใช้ชีวิตแบบ new normal เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว สักพักหนึ่งเมื่อ COVID-19 จางหายไป พวกเราจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิมได้
อย่างไรก็ตาม ปีกว่า ๆที่ผ่านมาแล้ว เชื้อ COVID-19 ก็ยังไม่หายไปง่ายๆ แต่กลับระบาดเพิ่มขึ้นอีก ล่าสุด ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคนี้แล้วเกือบ 140 ล้านคน และมีคนตายมากกว่า 3 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทยมีคนติดเชื้อถึงประมาณ 30,000 กว่า คน และเสียชีวิตร่วมร้อยคนแล้ว
Read More90 ปี ม.ร.ว.สายสวัสดี สวัสดิวัตน์ เจ้าผู้ไม่ธรรมดา
Posted on December 31, 2020 by vanchaitan
Leave a Comment
คนที่มีอายุยืนยาวมาจนถึง 90 ปี ยังมีสุขภาพกายแข็งแรงและจิตใจแจ่มใสนับว่าหาได้ยากยิ่ง โบราณถือว่าคนเหล่านี้มีบุญ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ลูกหลานและญาติสนิทมิตรสหายทุกรุ่น ได้ร่วมจัดงานฉลองครบรอบอายุ 90 ปีให้กับ ม.ร.ว.สายสวัสดี สวัสดิวัตน์ หรือป้าหน่อย ธิดาในหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ และหม่อมเสมอ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา
Read Moreหากจะรักลาบราดอร์ ต้องลืมคำว่าเสียใจ
Posted on December 27, 2020 by vanchaitan
Leave a Comment
เคยมีคนบอกว่า
“หมาทุกตัวล้วนต้องตาย แล้วก็มีคนถามว่า ทำไมหมาถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุสั้นนักและต้องตายก่อนเจ้าของเสมอ
มีคนตอบว่า เพราะหมาเข้ามาในชีวิตเพื่อสอนให้คน (เจ้าของ) ได้รู้จักกับความรักอันแท้จริง
เมื่อทำหน้าที่เสร็จมันจึงจากไป
ที่สำคัญคือ คนสามารถจะทุเลาความเศร้าที่หมาต้องจากไปได้ ด้วยการปลอบประโลมซึ่งกันและกัน
แต่หมานั้นหากเจ้าของต้องจากไปก่อน หัวใจของมันจะแตกสลายจนไม่สามารถทนได้ …”
นานมาแล้ว หนังโรแมนติกเรื่องหนึ่ง มีประโยคอมตะที่ผู้คนจดจำได้แม่นยำว่า
“หากจะรัก ต้องลืมคำว่าเสียใจ”
Read Moreความลับของกุหลาบ
Posted on December 10, 2020 by vanchaitan
Leave a Comment
“เราทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงสวนกุหลาบในแดนมหัศจรรย์เหนือเส้นขอบฟ้า แทนที่จะชื่นชมกับดอกกุหลาบ
ที่บานอยู่นอกหน้าต่างในวันนี้”
– Dale Carnegie
ชีวิตที่ผ่านมา ผมชื่นชอบดอกกุหลาบมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น
ชอบกลิ่นหอมกุหลาบ ชอบสีสัน และกลีบกุหลาบทับซ้อนอันบอบบาง
Read Moreความเขลาของผู้มีอำนาจ
Posted on December 2, 2020 by vanchaitan
Leave a Comment
ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศต่อจากรัฐบาลเผด็จการ เราไม่เคยทราบเลยว่าหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ
อันประกอบด้วยหน่วยงานมากมาย ตั้งแต่สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพ ตำรวจ ฯลฯทำงานแบบมีเป้าประสงค์อย่างไร
ทำเพื่อความมั่นคงของชาติ หรือเพื่อความมั่นคงของรัฐบาลเท่านั้น
Read Moreblog
Blog Stats
Recent Comments
Top Posts & Pages