“พื้นฐานของคนญี่ปุ่นคือวินัย แต่พื้นฐานของคนไทยคือเห็นแก่ตัว”
คนญี่ปุ่นผู้เคยทำงานในเมืองไทยหลายปีสรุปให้ฟังสั้น ๆ ต่อทัศนคติที่มีต่อคนไทยก่อนลากลับประเทศ
“คนไทยเห็นแก่ตัวมาก ไม่ยอมหยุดรถให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย ไม่ยอมเข้าคิว”
“คนไทยจอดรถซื้อของในที่ห้ามจอดบนทางเท้า
หรือจอดซ้อนเพื่อรอรับลูกหน้าโรงเรียนทุกวัน
โดยไม่สนใจว่ารถจะติดแค่ไหน”
“ที่ญี่ปุ่นไม่มีแบบนี้ เรารีบตลอดเวลา
แต่เราไม่เห็นแก่ตัวเหมือนคนไทย”
จริงหรือไม่จริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันในประเทศนี้น่าจะบอกอะไรได้
มาดูว่าวินัยพื้นฐานของคนญี่ปุ่นเขาสร้างกันอย่างไรตั้งแต่เด็ก
บ่ายวันหนึ่งขณะผมเดินไปตามถนนในเมืองฟุกุโอะกะ
สังเกตเห็นขบวนนักเรียนญี่ปุ่นตัวน้อยหลายคนเดินสวนมา
เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้ว ไม่มีใครแต่งเครื่องแบบนักเรียน
แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนสวมหมวกสีเหลือง
มีผู้อาวุโสคนหนึ่งคุมขบวน
ด้วยความสงสัย ผมหาคำตอบจากคนแถวนั้น และทราบว่า
เด็กโรงเรียนรัฐบาลของญี่ปุ่นไม่มีชุดเครื่องแบบ ใส่ชุดอะไรก็ได้ที่สุภาพ
แต่หากเป็นโรงเรียนเอกชนจะมีเครื่องแบบนักเรียน
เด็กนักเรียนทั่วประเทศญี่ปุ่นจะเดินไปและกลับบ้านด้วยตัวเอง
โดยทุกเช้าและเย็นเด็กตัวน้อย ๆ จะสวมหมวกสีเหลืองมารวมตัวตรงจุดนัดหมาย ก่อนจะเดินเป็นขบวนไปโรงเรียนพร้อมเพรียงกัน
มีอาสาสมัครในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนสูงวัยหรือ silver-san ผลัดกันมาช่วยนำทางและดูแลเด็กเหล่านั้น
ทุกวันเด็กต้องเดินมาถึงจุดนัดหมายตรงเวลาเพื่อไม่ให้เพื่อนต้องรอ
เป็นการฝึกวินัยแต่เด็ก ๆ และฝึกให้เด็กเล็กช่วยเหลือตัวเอง
ไม่มีพ่อแม่ขับรถไปรับส่งที่โรงเรียน
เด็กนักเรียนจะเรียนหนังสือที่โรงเรียนในชุมชนตัวเอง ไม่ไกลบ้าน
การเดินไปโรงเรียนจึงเป็นเรื่องปรกติ
ทุกเช้าพอถึงเวลาทุกคนจะเดินถึงจุดนัดพบ เมื่อมาครบแล้วเด็กโตจะอยู่หัวแถว เด็กเล็กอยู่ตรงกลาง ท้ายแถวเป็นเด็กรุ่นโตรองลงมา เดินไปด้วยกัน
เด็กโตจะถูกสอนให้มีหน้าที่ดูแลเด็กเล็ก สร้างนิสัยช่วยเหลือกัน ปกป้องคนอ่อนแอกว่า หากข้ามถนนตรงสี่แยกจะมีคนโบกธงให้รถเห็นแต่ไกล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
กฎหมายจะลงโทษรุนแรงมากหากไม่หยุดรถให้คนข้ามถนนตรงทางข้าม
และบางโรงเรียนพ่อแม่เด็กจะผลัดเวรกันโบกธงให้เด็ก ๆ ข้ามถนน
หมวกเหลืองเป็นสัญลักษณ์ให้ชาวบ้านช่วยดูแลความปลอดภัยของเด็กเหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนชั้นประถมฯ ปีที1-6 จะต้องสวมหมวกเหลืองอันเป็นสีที่โดดเด่นชัดเจน เพื่อให้คนภายนอกรู้ว่ายังเป็นลูกเจี๊ยบ
บางโรงเรียนจะให้เด็กติดแผ่นป้ายสีเหลือง
และแขวนกระดิ่งด้านหลังกระเป๋านักเรียน เดินไปตามท้องถนน
เตือนให้คนในชุมชนทราบว่า ขบวนลูกเจี๊ยบกำลังมาแล้ว เพื่อช่วยกันระวังความปลอดภัยให้เด็ก
ภาพของเด็กเล็ก ๆ สวมหมวกสีเหลืองส่งเสียงดังยังติดตาผม
ภาพคนวัยเกษียณที่มาเป็นอาสาสมัครดูแลเด็กสะท้อนความสัมพันธ์ของคนในชุมชนอย่างชัดเจน
ทุกคนต้องเสียสละเพื่อให้สังคมโดยรวมดีขึ้น พ่อแม่ต้องเสียสละยอมให้ลูกรักเดินไปโรงเรียน
ถามว่าพ่อแม่เป็นกังวลไหม
แต่ด้วยแนวคิดว่า “Send the beloved child on a journey.” หรือ “จงส่งลูกรักสู่การผจญภัยในโลกกว้าง”
สะท้อนแนวคิดคนญี่ปุ่นที่ต้องการให้เด็ก ๆ รู้จักการรับผิดชอบ
ต่อตนเองผ่านการเดินทางไปโรงเรียน
เริ่มตั้งแต่ชั้น ป. 1กันเลย เด็กถูกฝึกให้ตรงเวลา
ถูกฝึกให้เดินวันละไม่ต่ำกว่า2-3กิโลเมตร
เพื่อสร้างวินัย ช่วยเหลือตัวเอง ฝึกให้ช่วยเหลือคนอื่น
คนในชุมชนต้องเสียสละเวลามาคอยดูแลความปลอดภัยของเด็ก
ไม่แปลกใจที่พื้นฐานของคนญี่ปุ่นคือวินัย และการเสียสละเพื่อส่วนรวมที่ทุกคนมีส่วนร่วม
เมื่อเขาตั้งใจจะฝึกวินัยให้เด็กด้วยการเดินไปโรงเรียนเอง
การสร้างความปลอดภัยให้เด็กว่าจะไม่ถูกทำร้าย
ลักพาตัว หรือเกิดอุบัติเหตุ
การสร้างความมั่นใจแก่พ่อแม่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐและคนในชุมชนต้องร่วมมือร่วมใจทำให้
รวมถึงการออกแบบถนน เส้นทางในเมือง
ออกแบบครบทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่นักเรียนมากที่สุด
สอบถามว่าเคยมีอุบัติเหตุหรือมีเด็กหายบ้างหรือไม่
จากสถิติที่ผ่านมาคือมีบ้าง แต่ต้องหาทางป้องกันต่อไป
ที่ผ่านมาญี่ปุ่นเจริญก้าวหน้ามาได้เพราะสร้างชาติจากวินัยและการเสียสละ
แต่มิอาจสร้างได้จากความเห็นแก่ตัวของคนในชาติ
หมายเหตุ. ผู้เขียนเชื่อว่า ผู้อ่านหลายท่านคงมีข้อวิจารณ์ว่า เราทำแบบญี่ปุ่นไม่ได้หรอก เพราะการจราจร ความปลอดภัยบนท้องถนนบ้านเราแย่กว่ามาก
ผู้เขียนอยากบอกว่า. แล้วเราเรียนรู้อะไรจากสิ่งดีๆเหล่านี้บ้าง เพื่อมาปรับใช้ครับ