เมื่อต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561
มีข่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนจำนวนมาก
คือข่าวการตายของวาฬนำร่องครีบสั้น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
จากการผ่าท้องพบขยะพลาสติกน้ำหนักรวมกัน 8 กิโลกรัม
จำนวนกว่า 80 ชิ้น อัดแน่นเต็มท้อง
ข่าวนี้ สร้างความตื่นตัวให้กับผู้คนจำนวนมากสนใจที่จะแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก
รัฐบาล องค์กร ห้างร้านต่าง ๆ ดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมา
ไม่น่าเชื่อว่า คนไทยทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลเป็นอันดับ 6 โลก
มากกว่าประชากรอินเดียที่มีประชากรนับพันล้านมากกว่าไทยเสียอีก
ช่วงแรกที่วาฬเสียชีวิต ก็มีข่าวว่า ทางการจะมีมาตรการจริงจังในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างจริงจัง
แต่ปีหนึ่งผ่านไป ก็เป็นแค่คลื่นกระทบฝั่ง ปริมาณขยะทะเลไม่ได้ลดลงมีแต่เพิ่มขึ้น
ปีพ.ศ. 2562 ขยะทะเลได้เพิ่มทะลุ 1 ล้านตันต่อปีแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2562
ข่าวการตายของมาเรียม พะยูนน้อย อายุ 8 เดือน ขวัญใจของชาวไทย
โดยระบุว่าผลชันสูตรซากมาเรียม
พบว่าตายจากอาการช็อก
และมีเศษถุงพลาสติกที่กินเข้าไป
และไม่ย่อยสลายอุดตันขวางลำไส้
ก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อน
มาเรียม ลูกพะยูนเพศเมีย
ที่พลัดหลงแม่
ได้รับการเคลื่อนย้ายจากบ่อพักฟื้น
ที่จังหวัดภูเก็ต
นำมาปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
บริเวณหน้าหาดเกาะลิบง จังหวัดตรัง อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าทะเล
แต่มาเรียม ไม่สามารถหากินเองได้
ถูกพบว่ายมาเกยชายฝั่ง
ได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์และอาสาสมัครมาหลายเดือน
แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเช่นเดียวกับวาฬนำร่องครีบสั้นเมื่อปีกลาย
คนไทยใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยคนละ 8 ใบต่อวัน
ขณะที่คนยุโรปใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยคนละ 3 ใบต่อวัน
นั้นหมายความว่า
วันหนึ่งเราผลิตขยะถุงพลาสติกร่วม
500 ล้านชิ้น
นับเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก
หากรวมกับพลาสติกชนิดอื่น
คนไทยทิ้งขยะลงทะเลวันละกว่า 750ล้านชิ้น
หากถามว่า
ทำไมคนใช้ขยะพลาสติกกันมากมายขนาดนี้
คำตอบคือ ความสะดวกสบาย
ก่อนหน้าที่ถุงหิ้วพลาสติก
หรือถุงก๊อบแก๊บจะได้รับความนิยม
ทุกครั้งที่ไปจ่ายกับข้าวในตลาด
แม่บ้านทั่วโลกจะต้องถือตะกร้าออกจากบ้านเสมอ
สมัยนั้นสังคมโลกจึงไม่มีปัญหาเรื่องขยะพลาสติกล้นโลก
จนกระทั่งมีการผลิตถุงพลาสติกขึ้นมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก
ความสะดวกสบายจึงมาพร้อมกับขยะ
ขยะพลาสติกที่พบในทะเลส่วนใหญ่
พบว่าเป็นถุงพลาสติก ร้อยละ 11.7
กล่องโฟม ร้อยละ 9.9 ห่ออาหาร
ร้อยละ 8.8
ถุงก๊อปแก๊ป ร้อยละ 8.6 ขวดแก้ว
ร้อยละ 7.5
ขวดพลาสติก ร้อยละ 7.2
หลอดดูด ร้อยละ 5.1
ขยะทะเลส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยวริมชายหาดที่ไม่มีการทิ้งขยะให้เป็นที่
ร้านอาหารบริเวณชายหาด
ริมแม่น้ำที่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ
และการฝังกลบที่ไม่ถูกวิธี
ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามขอความร่วมมือจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
รวมถึงมีการรณรงค์งดการใช้ถุงพลาสติกหลายรูปแบบ
แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถบรรเทาปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
ล่าสุดภาพถ่ายดาวเทียมสามารถจับภาพขยะพลาสติกในมหาสมุทรแปซิฟิก
ที่ลอยติดกันเป็นแพขนาดยักษ์มีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศส สเปน เยอรมนีรวมกันเสียอีก
สุดท้ายการลดขยะพลาสติกที่ได้ผลที่สุด
คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังมากกว่า
หลายประเทศได้ออกกฎหมายยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง
บังกลาเทศเป็นประเทศแรกของโลกที่ “แบน” ถุงพลาสติก จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง มีคนตายมากมาย
เพราะถุงพลาสติกไปอุดตันในท่อระบายน้ำ คูคลอง น้ำระบายไม่ทัน
เช่นเดียวกับหลายรัฐในอินเดียที่ห้ามการใช้ถุงพลาสติก เพราะปัญหาน้ำท่วม
ทางการเคนยาเริ่มบังคับใช้กฎหมายที่ห้ามการใช้ถุงพลาสติกแล้ว หากผู้ใดจำหน่าย ผลิต หรือใช้ถุงพลาสติก
จะต้องเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับเงินสูงสุด 38,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.25 ล้านบาท)
อีกหลายประเทศ ใช้การเก็บภาษีถุงพลาสติกแทน ทำให้ถุงมีราคาแพง
อาทิประเทศ ไอร์แลนด์ ผลคือ ลดการใช้ถุงพลาสติกลงถึง 90 % จาก 1,200 ล้านใบ เหลือเพียง 200 ล้านใบ
ล่าสุดฝรั่งเศสจะเป็นชาติแรกในโลกที่ออกกฏหมายห้ามใช้ภาชนะที่ทำจากพลาสติกใส่อาหาร
ไม่ว่าจะเป็นจาน ถ้วย หรือเครื่องครัวทุกชนิด โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในในปี 2020
สำหรับเมืองไทย
นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมแนะนำว่า
อันดับแรก รัฐบาลควรประกาศให้การแก้ปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ
โดยการออกกฎหมายบังคับเลิกการใช้โฟม
เพราะเป็นวัสดุที่ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลายได้
และต้องออกกฎหมายบังคับ
ให้ผู้บริโภค ต้องซื้อถุงพลาสติก
เพื่อลดปริมาณขยะ
วิธีนี้ประสบความสำเร็จในประเทศอังกฤษ ไต้หวัน และนิวซีแลนด์ ที่สามารถลดปริมาณขยะได้มาก
ถึงวันนี้ แค่รณรงค์หรือขอความร่วมมือในการไม่ใช้ถุงพลาสติก
คงจะตามไม่ทันปริมาณขยะทะเลที่เพิ่มขึ้นทุกปี
นอกจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
แน่นอนว่า
จะต้องถูกชาวบ้านที่ไม่เข้าใจวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะกล้าตัดสินใจไหม
หรือจะรอให้มีพะยูน วาฬ
สัตว์ทะเลชนิดอื่นเป็นเหยื่อไปเรื่อยๆ