หลายคนคงทราบดีว่ากรุงเทพมหานครของเรามีภูเขา
ไม่ใช่ภูเขาทอง แต่เป็นภูเขาขยะครับ มีอยู่ด้วยกันหลายลูก แถวรามอินทรา แถมหนองแขม แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นกองภูเขาขยะซอยอ่อนนุชที่อยู่ลึกไปถึงแถบลาดกระบังเป็นโรงกำจัดขยะใหญ่ที่สุดในประเทศ
เมื่อสามสิบปีก่อน สมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์เป็นนายกรัฐมนตรี
ขยะจากภูเขาขยะซอยอ่อนนุช เคยถูกนำไปถมที่เพื่อสร้างเป็นสวนจตุจักร สวนสาธารณะแห่งใหม่ในเวลานั้น
มีโอกาสน่าไปปีนภูเขาที่นี่เป็นประสบการณ์ชีวิตนะครับถือเป็นการท่องเที่ยวแบบวันเดียวก็เที่ยวได้ จะได้รู้ว่ากลิ่นขยะแบบเข้มข้นเหม็นติดเสื้อผ้ามันอยู่ทนกว่าที่เราคิด ซักผ้าหลายครั้งกลิ่นยังติดทน
สิบกว่าปีก่อนผมเคยไปปีนภูเขาแห่งนี้ เพื่อทำสารคดีชีวิตของผู้คนบนกองขยะ ที่มีความสูงหลายสิบเมตร บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ พอปีนขึ้นไปถึงยอดมองไปไหนมีแต่ขยะลานตาเต็มไปหมดและเห็นปล่องควันไฟจากโรงงานกำจัดขยะอยู่ไม่ไกล
ทุกวันนี้คนกรุงเทพมหานครพร้อมใจกันทิ้งขยะวันละ ๘ พันกว่าตัน รถเก็บขยะคันสีเหลืองของกทม.จะนำขยะมาทิ้งไว้ที่นี่ ๒-๓ พันตัน ไม่ว่าจะเป็นขยะตามบ้านคน ขยะตลาด ขยะจากโรงพยาบาล ไปถึงขยะจากโรงงานอุตสาหกรรม และมีปริมาณขยะไม่ถึงครึ่งที่เข้าสู่โรงงานกำจัดขยะ ที่เหลือจะถูกนำมากองไว้จนกลายเป็นภูเขาขยะขนาดใหญ่
การกองขยะทิ้งเอาไว้กลางแจ้ง ถือว่าเป็นการกำจัดขยะประการหนึ่ง
ทุกครั้งที่รถเก็บขยะแล่นขึ้นไปบนภูเขา จะมีบรรดานักล่าขยะหลายสิบคน ตั้งแต่เด็กน้อย วัยรุ่น ไปถึงรุ่นคุณยาย ซึ่งมาจากสลัมรอบกองขยะเดินตามรถขึ้นไป มือหนึ่งสะพายถุง อีกมือหนึ่งถือตะขอสองง่ามไว้คอยคุ้ยเขี่ยกองขยะ เพื่อหาของมีค่า
พอรถเทขยะออกมากอง คนเหล่านี้จะเฮโลกันเข้าไปหยิบฉวยสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ พลาสติก เศษขวด เศษแก้ว เศษเหล็ก อะลูมิเนียม ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์
วันไหนมีรถจากโรงงานบะหมี่สำเร็จรูปมาทิ้ง วันนั้นชาวสลัมจะมีบะหมี่กินกันถ้วนหน้า โดยไม่สนใจว่าเป็นบะหมี่หมดอายุหรือไม่
วันไหนมีรถจากโรงงานยาสูบมาทิ้งขยะ วันนั้นชาวสลัมก็มีบุหรี่สูบไปได้หลายวัน
“รถขยะจากตลาดสดไม่ค่อยมีค่าหรอก มีแต่ผักผลไม้เน่า แต่ถ้าเป็นรถขยะจากบ้านสิ มีของมากมาย แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้มากแล้ว เพราะพวกพนักงานเก็บขยะจะคัดเอาไปขายก่อนรอบหนึ่ง”
นักล่าขยะวัยรุ่นคนหนึ่งบอกกับเรา ขณะโยนผลส้มลูกหนึ่งจากขยะมาให้เรา เพื่อวัดใจว่าเราจะกิน เหมือนกับคนอื่น ๆหรือไม่
“สดจากปากคลองตลาดเชียวนะ”
วินาทีนั้นเราแกะเปลือกส้ม หยิบผลส้มเข้าปาก กินเหมือนกับนักล่าขยะคนอื่น ๆที่กำลังมองมาที่เรา
วันนั้นเราได้เรื่องเล่าขุมทรัพย์จากนักล่าขยะหลายเรื่อง
ชาวบ้านคนหนึ่งเคยคุ้ยขยะไปเจอกระป๋องใบหนึ่ง พอเปิดออกมาเป็นสร้อยทองคำแท้หนัก ๕๐ บาท หากเอามาขายตอนนี้คงเป็นเศรษฐีไปแล้ว
อีกคนคุ้ยขยะไปเจอเงินสกุลเยอรมนี เอาไปแลกได้หลายหมื่นบาท
แต่มีคนหนึ่งไปคุ้ยเจอปืนไทยประดิษฐ์ มีพ่อค้ามาขอซื้อพันบาท แต่ไม่ยอม จะขาย ๑,๕๐๐ บาท จึงเอาปืนไปเก็บไว้ที่บ้าน ปรากฏว่าคืนนั้นถูกตำรวจจับข้อหามีอาวุธเถื่อนไว้ครอบครอง ถูกปรับไป ๓,๐๐๐ บาท
พอตกดึกเราไปร่วมวงกินเหล้า ที่กินกันเป็นประจำทุกค่ำคืน สมกับที่ว่า“จน เครียด กินเหล้า”
“ดื่มเหล้าแล้วจะได้หลับสนิทในคืนนี้ มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ไม่มีความหวังอะไรกับพรุ่งนี้” นักล่าขยะคนเดิมบอกให้ฟัง
แต่คนไม่มีอนาคตเหล่านี้ที่ดิ้นรนปากกัดตีนถีบอยู่รอบ ๆกองขยะหลายพันคน เป็นตัวจักรสำคัญในการกำจัดขยะของชาวเมือง ด้วยการรีไซเคิ้ลขยะ โดยการคัดแยกขยะเป็นกระดาษ โลหะ พลาสติก และนำกลับไปใช้ใหม่โดยการขายให้กับพ่อค้าของเก่าที่มารับซื้อถึงที่
ความยากจนบีบให้พวกเขาต้องรีไซเคิ้ลขยะ เพราะไม่สนุกหรอกกับการอยู่ท่ามกลางสิ่งสกปรก เหม็นเน่าทุกวัน หลายคนเบือนหน้าหนี แม้เพียงได้กลิ่นก็แทบจะคลื่นไส้
“บนภูเขาขยะ เชื้อโรคมันยังกลัว ขนาดแมลงวันยังไม่อยากบินผ่านแถวนี้เลย” นักล่าขยะอีกคนเล่าให้เห็นภาพ
จาก บทบรรณาธิการ นิตยสารสารคดี เมษายน ๒๕๕๒