ความในใจของลิงวอกภูเขา

วันชัย  ตันติวิทยาพิทักษ์

“ หนูมีความสุขทุกครั้ง เมื่อได้เข้าป่าไปหาเพื่อน ใช่แล้ว เพื่อนของหนูคือลิง”

จุรีรัตน์ แหวนอาจ ผู้ช่วยนักวิจัยลิงวอกภูเขา

ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผู้ช่วยนักวิจัยสัตว์ป่าบางคนมีความสุขกับการได้เข้าป่าลึก ใช้เวลาทั้งวันติดตาม เก็บข้อมูลสังเกตพฤติกรรม ได้เรียนรู้นิสัยของลิงอ้ายเงี้ยะ หรือลิงวอกภูเขา

แม้ระหว่างทางจะต้องบุกป่าฝ่าดง เดินทางด้วยความยากลำบาก เจอทั้งทาก เห็บ งูพิษ หรือโชคร้ายต้องหนีกระทิง ช้าง เสือ แต่พวกเขายังดั้นด้นที่จะไปหาลิงเหล่านี้ด้วยความสุข เพราะมีลิงเป็นเพื่อน

พวกเขาใช้ชีวิตแบบนี้เกือบทุกวันเป็นเวลาสิบกว่าปี

กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ผมมีโอกาสเดินเข้าป่าลึกติดตามการทำงานของผู้ช่วยนักวิจัยเหล่านี้

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว แหล่งต้นน้ำแม่น้ำชี ระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร มีพื้นที่เกือบหนึ่งล้านไร่ เป็นแหล่งป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์เหลืออยู่ไม่มากในภาคอีสาน ประกอบด้วย ป่าดงดิบเขา ป่าดงดิบแล้ง ป่าเต็งรังผสมสน ป่าผสมผลัดใบ และป่าเต็งรังแล้ว ยังมีทุ่งหญ้าหลายแห่ง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักคือทุ่งกะมัง และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ เลียงผา ช้างป่า กระทิง เสือโคร่ง เสือดาว กวาง เก้ง กระจง หมี ชะนี ลิง ค่าง หมูป่า และนกต่างๆ ที่หายาก เช่นไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ฟ้าหลังขาว นกยูง นกเงือกชนิดต่างๆ นกกางเขนดง นกหัวขวานหลายชนิด ฯลฯ และที่สำคัญคือ เคยมีร่องรอยของสัตว์ป่าสงวนที่สูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยแล้วคือ กระซู่

ผู้ช่วยนักวิจัย นานธวัช วิเศษ(วัช) กับ จุรีรัตน์ แหวนอาจ(จุ๊) สองสามีภรรยาวัยสามสิบกว่าปี  เป็นเจ้าหน้าที่ของโครงการวิจัย “ผลทางสรีรวิทยาและพฤติกรรมของการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมของลิงวอกภูเขาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว” หัวหน้าโครงการ Oliver Schuelke แห่ง University of Gottingen ประเทศเยอรมนี  ทำวิจัยชีวิตลิงวอกภูเขาอย่างต่อเนื่องสิบสี่ปี จนน่าจะเป็นโครงการวิจัยสัตว์ป่ายาวนานที่สุดโครงการหนึ่งในประเทศนี้

ตั้งแต่เช้ามืด เราเดินเข้าป่าลึก สายตาคอยสอดส่องหาฝูงลิงวอกบนต้นไม้ สักพักหนึ่งเสียงดังของลิงวอกภูเขาฝูงหนึ่งก็ดังขึ้นในราวป่า พวกเค้าโหนตัวไปตามกิ่งไม้ บ้างกระโดดข้ามต้นไม้ด้วยความคล่องแคล่ว

เราเห็นผู้ช่วยนักวิจัยส่องกล้อง บันทึกตำแหน่งจีพีเอส ใช้อุปกรณ์อีกหลายชนิด เพื่อเก็บข้อมูล การเดินทาง อาหาร พฤติกรรมทุกอย่างของลิงฝูงนี้ พวกเขาตั้งชื่อลิงทุกตัว และจำแนกลักษณะของลิง

“หากได้มาคลุกคลีแล้วจะรู้ว่า พวกเค้าหน้าตาไม่เหมือนกัน นิสัยก็ต่างกัน “วัช เล่าให้ฟังต่อว่า

“ลิงมีการสื่อสารกัน เราจดจำเขาได้ เขาก็จดจำเราได้ แต่ละตัวมีบุคลิกต่างกัน อารมณ์โกรธก็ไม่เหมือนกัน” 

ลิงอ้ายเงียะเป็นลิงร่างใหญ่ บึกบึน รูปร่างอ้วนสั้น ขนปุย ขนตามตัวมีสีน้ำตาลอมเหลือง หัวโต หางค่อนข้างสั้น  ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนต้นไม้สูง ชอบหากินเป็นฝูงใหญ่ 40-60 ตัว

พอพวกเราติดตามฝูงลิงไปได้ระยะหนึ่ง ลิงบางตัวเริ่มลงมาเดินกับพื้น หลายตัวเดินผ่านเราไปอย่างปกติราวกับว่า มนุษย์อย่างเราเป็นสมาชิกในฝูง ทั้ง ๆที่ลิงวอกภูเขาขึ้นชื่อว่าเป็นลิงค่อนข้างดุร้าย

“หลายปีที่ผ่านมาจากการติดตามศึกษาพฤติกรรมลิง ทำให้พวกเราใกล้ชิดกับลิงมาก การที่ลิงมาคลุกคลีกับนักวิจัย จนเราสามารถเดินอยู่ในฝูงลิงได้ เพราะเราทำให้เขารู้ว่า เราไม่ได้เป็นอันตรายกับเขา เหมือนสัตว์กินพืชอย่างกระทิง หมูป่า เก้ง กวาง  ไม่ได้เหมือนเป็นสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือ เขาถึงให้เราอยู่ใกล้ ๆ กับเขา แต่เพื่อความปลอดภัย อย่ามองหน้า เพราะลิงมักคิดว่าเราอยู่อันดับต่ำกว่า “ จุ๊ส่องกล้องขึ้นดูลิงบนกิ่งไม้สูง เริ่มส่งเสียงร้องดังขึ้น

“ลิงส่งเสียงแตกต่างกัน เป็นภาษาที่พวกเค้าสื่อสารกันเอง อาทิ  ถ้าเจองูจะส่งเสียงดังมาก และหลายตัวจะร้องตาม ร้องเตือนกัน ลิงมีภาษากายด้วย อาทิ ถ้ามีการพองขน แสดงว่าอาจจะเห็นสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือ  ลิงจะมีภาษากายเยอะมาก เช่นการยิงฟันกัน ทำฟันกระทบกัน  ยักคิ้วขึ้น หูจะลู่ และทำฟันกระทบกัน แสดงว่าอารมณ์ดี  มาเล่นกันเถอะ แต่หากทำตัวแข็งทื่อ หันตามองไปตรง ๆ นั่นคือกำลังแสดงความก้าวร้าว”

คนเหล่านี้อยู่ป่ากับลิงนาน ๆ พอจะเรียนรู้ว่า เสียงร้องกลัว เสียงร้องขึ้นต้นไม้นอน เสียงร้องเห็นอาหาร เสียงหิวนม เสียงบอกอันตราย ลักษณะเสียงไม่เหมือนกัน

เราได้ยินเสียงร้องเจี้ยวจ๊าวของลิงตัวหนึ่งดังขึ้น จุ๊บอกว่า เป็นเสียงเชื้อชวนให้ลิงตัวอื่นมาเด็ดกินดอกสะบ้าลิง อาหารของโปรดของพวกเค้า

“ตอนเข้าป่าถ้าได้ยินเสียงแบบนี้เราจะรู้ทันทีว่า เขาได้เห็นผลไม้อร่อยก็ชวนกันมากิน ลิงกินดอกไม้ ไข่ แมลง แมงมุม กระรอก กบ เขียด ตั๊กแตน กิ้งก่า บางทีก็เอาตัวอีเห็นมาเล่น มารุมทึ้ง รุมเล่นจนตาย”

ขณะพักกินข้าวกันกลางป่า สองสามีภรรยาเล่าให้ฟังว่า ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่เฝ้าดูนิสัยของเพื่อนร่วมโลกเหล่านี้ พวกเขาพบว่า ลิงวอกภูเขาเป็นสัตว์สังคมที่ดูแลและช่วยเหลือกันในกลุ่มตลอด ลิงก็มีเพื่อน เหมือนมนุษย์เรามีเพื่อน เกิดเรื่องอะไรก็ช่วยเหลือกัน และเล่าเรื่องที่เตือนใจพวกเขาไปตลอดชีวิตให้ฟังว่า

“ ครั้งหนึ่งประมาณห้าปีก่อน เราพบลิงตัวหนึ่งชื่อโรมกำลังโดนเสือลายเมฆกัดที่คอ โรมก็ส่งเสียงร้องเรียกให้เพื่อนมาช่วย เพื่อนตัวหนึ่งชื่อนายกระโดดจากต้นไม้ลงมาช่วยโรม สู้กับเสือสักพัก นายโดนเสือกัดตายคาที่ ส่วนโรมรอดแต่ได้รับบาดเจ็บและหายไปจากฝูง เย็นวันนั้นลิงทั้งฝูงหลายสิบตัวกลับมารวมฝูงใหม่ พวกเค้าเดินเป็นวงรอบๆ ตรงจุดที่เกิดเหตุ และส่งเสียงร้องเสียงแปลกๆ ผมรู้สึกได้ว่าเสียงแบบนี้ เราไม่เคยได้ยินมาก่อน เหมือนกับว่าพวกเค้าสูญเสียอะไรบางอย่างไปแล้ว…

 ผ่านไปสองวัน เราก็รู้ว่านายจากไปแล้ว แต่โรมยังไม่เห็น เราก็ยังมีความคิดว่าน่าจะรอด สักพักเราก็เห็นโรมจริง ๆ ยังไม่ตาย เห็นรอยกัดตรงคอเป็นแผลใหญ่ ทำให้โรมร้องไม่ได้ คือธรรมชาติของลิงเวลาหลงฝูง เค้าจะส่งเสียงเรียกโต้ตอบกันไปมา จนสามารถตามไปหาฝูงได้  แต่โรมส่งเสียงไม่ได้แล้ว จึงพลัดจากฝูงไปหลายวัน

วันนั้นเราเห็นโรมอยู่ข้างถนน พวกลิงก็ดีใจนึกว่าโรมกลับเข้าฝูงได้แล้ว  แต่โรมโทรมมาก ทั้งบาดเจ็บทั้งไม่ได้กินอาหาร ลิงในฝูงก็เดินข้ามถนนไปหมด ยกเว้นจ่าฝูงชื่อธาริน นั่งรอโรมให้ข้ามไปด้วยกัน จนโรมเดินทุลักทุเลข้ามถนนไปได้ แต่หลังจากนั้นอีกสองสามวัน โรมก็ตายจากบาดแผล  ทุกวันนี้ผมก็ยังคิดถึงความกล้าหาญของนาย เจ้าโรมและอีกหลายๆตัวครับ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่สัตว์แต่มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์แบบเรา “ วัชยอมรับว่าตอนแรกทำวิจัยลิงก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เหตุการณ์นั้นทำให้รู้สึกได้ว่า ลิงมีการช่วยเหลือกันจริง ๆ ขณะที่จุ๊พูดเสริมขึ้นมาว่า

“ มันเป็นภาพติดตามเลย ธารินนั่งรออยู่ตรงนั้น รอให้โรมที่เจ็บหนักค่อย ๆ เดินข้ามถนน แต่ละก้าว ใจแทบขาด หนูเห็นแล้วน้ำตาซึม ช่วงนั้นฝูงลิงก็จะหงอย เศร้า ๆ  ไม่ร่าเริง และจะไม่ค่อยเคลื่อนตัวไปไหน ราวกับจะรออะไรบางอย่าง สังเกตว่าในฝูงลิง หากลิงตัวใดตายไปไม่ค่อยดี หรือหายไปเฉย ๆ ลิงที่เหลือจะหงอย ๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไปไหน ราวกับว่าจะรออะไรบางอย่าง…หนูเสียใจมากตอนโรมตาย เพราะตอนมันมีชีวิต ชอบช่วยเหลือเพื่อน ๆ  ช่วยปกป้องหนู เวลาหนูเจอลิงวัยรุ่นทำร้าย เค้าจะมาตบสั่งสอน”

วันนั้นทั้งวัน เราบุกป่าเดินไปตามทิศทางการเคลื่อนย้ายของลิงฝูงนี้ประมาณ 60-70  ตัว โหนตัวไปตามต้นไม้ บางครั้งก็เดินปะปนกับมนุษย์ผู้เฝ้าเก็บข้อมูล ระหว่างทางก็เก็บกิน ดอกไม้ตุนเป็นอาหาร โดยเฉพาะดอกสะบ้าลิงโปรดปรานเป็นพิเศษ จนกระทั่งเย็นนั้น พวกเค้ามาถึงต้นไทรใหญ่ กระจายไปเกาะตามกิ่งไม้ เป็นที่พักผ่อนเย็นนั้น

“ เราเข้าป่าไม่ใช่แค่ทำวิจัย มันมีความรู้สึกผูกพันกันมากกว่า  เราเจอกลุ่มของลิง มันให้ความรู้สึกได้ผ่อนคลาย มีชีวิตชีวา เหมือนเรามีเพื่อน  เค้าเห็นเราก็ส่งเสียงร้อง มันก็บ่งบอกเหมือนกับคิดถึงนะ เราเองก็คิดถึงเขา…

ครั้งหนึ่ง หนูจะไปเหยียบงู ลิงชื่อไอโอน่า เขาก็เตือนแบบมองหน้าแล้วร้องแอ้ ๆ  พอหนูก้าวเดิน เขาก็ร้องเตือนอีก จนเห็นงูเหลือมตัวใหญ่มาก  แต่จะทดสอบว่าเขาจะเป็นห่วงเราไหม เลยเดินไปอีกก้าว คราวนี้ไอโอน่าก็กระโดดลงมา มองหน้างู มองหน้าหนู แล้วร้องเตือนอีก เขาเป็นห่วงเราจริง ๆ” จุ๊เล่าประสบการณ์ความผูกพันกับลิงให้ฟัง

“ เคยมีลูกลิงตัวหนึ่งชื่อพาย เห็นตั้งแต่เกิดเลยครับ ลิงแต่ละตัวนิสัยไม่เหมือนกันเลย บางตัวขี้เล่น ซน แต่พายไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่พอวันหนึ่งแม่เค้าตกจากต้นไม้ได้รับบาดเจ็บที่หัวมีแผลใหญ่  สุดท้ายก็ตายไป และน้องพายเราก็ไม่ได้เห็นอีกเลย เพราะหากแม่ตายลูกจะรอดยาก พายอายุไม่ถึงขวบเลย เราก็รู้สึกใจหาย เพราะตามเขาอยู่ตลอด เห็นพัฒนาการของพายตลอด เหมือนเราตามดูชีวิตเด็กคนหนึ่ง น่าเศร้าสำหรับคนติดตาม ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แค่มองและเก็บพฤติกรรม ไม่สามารถเข้าไปยุ่งย่ามในสังคมลิงได้” วัชเล่าความรู้สึกผูกพันให้ฟัง

ตามหลักของการวิจัยสัตว์ป่า มีกฎว่า พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวธรรมชาติของสัตว์ ได้แค่เฝ้าสังเกตการณ์อย่างเดียว

ใกล้เลือกตั้งแล้ว พอออกจากป่า เราถามคำถามสุดท้ายว่า ฝูงลิงมีเล่นการเมืองไหม

วัชยิ้ม ๆ ไม่ตอบตรง ๆ แต่เล่าเรื่องชีวิตของจ่าฝูงให้ฟังว่า

“ ลิงฝูงหนึ่งจะมีจ่าฝูงตัวผู้ตัวเดียวอยู่อันดับ 1 เรียกว่า alpha และมีลิงตัวผู้เป็นอันดับรอง ๆ ลงมาเรียกว่า beta เหมือนกับเป็นมือซ้ายมือขวา เป็นผู้สนับสนุนหรือเพื่อน อันดับจะลดหลั่นไปเรื่อย ๆ  แต่ไม่ได้หมายความว่าลิงตัวนั้นจะเป็นจ่าฝูงไปจนตาย เพราะถ้าพลาดก็อาจจะโดนโค่นได้… เราเคยตามจ่าฝูงตัวหนึ่ง ชื่อแว่นตาเป็นจ่าฝูงมานาน แต่วันหนึ่งพลาดท่าตอนช่วงผสมพันธุ์ คือมัวแต่ตามตัวเมียจนไม่ทันระวัง ช่วงนั้นในฝูงมีตัวผู้อายุวัยรุ่น 7-9 ปี ชื่อร็อกกี้ ถ้าในแง่อันดับพวกนี้อยู่อันดับ 7 ห่างไกลมาก แต่มาท้าสู้กับแว่นตา เพื่อต้องการขึ้นมาเป็นจ่าฝูงแทน พวกเค้าสู้กันดุเดือดจนตาย  แว่นตาพ่ายแพ้ เราพบซากของแว่นตาตาย  ร็อกกี้ขึ้นเป็นจ่าฝูงแทน ต้องเข้าใจว่า การเปลี่ยนจ่าฝูงไม่ใช่ว่าลิงอันดับ1 ถูกอันดับ  2 ท้าชิง แต่อาจจะถูกอันดับ 7 โค่นลง  หากจ่าฝูงมีเพื่อนคืออันดับ2-6 เป็นพวกเดียวกันแล้ว และเมื่อลิงอันดับ 7 อย่างร็อกกี้ ขึ้นเป็นจ่าฝูงแทน  ลิงอันดับ 1- 6 ก็ต้องไปทั้งยวง คือโดนไล่ออกจากฝูงเลย”

“การเมืองของลิงก็ไม่ต่างจากการการเมืองของมนุษย์ ใครขึ้นมามีอำนาจ ก็จะถูกท้าชิงเสมอ และพอเปลี่ยนรัฐบาล เวลาออกก็ออกทั้งยวงเหมือนกัน” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาในวงสนทนา

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s