เมื่อรัฐบาลปูพรมสร้างฝายทั่วประเทศ

วันชัย  ตันติวิทยาพิทักษ์

ช่วงที่ผ่านมา มีข่าวว่า ทางกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ปัญหาความยากจน ด้วยกลยุทธ์

“การสร้างฝายชะลอนํ้าแกนดินซีเมนต์ ทั่วประเทศ”

คณะทำงานดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มอบหมายให้ปลัดกระทรวงฯ พิจารณาความเหมาะสมเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมลํ้า โดยมอบหมายให้ กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นแม่งาน รับผิดชอบด้านการจัดทำแบบมาตรฐานและราคากลางฝายชะลอนํ้าแกนดินซีเมนต์

ไม่กี่วันต่อมา หน่วยงานรัฐ เสนอก่อสร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่กำหนดราคากลาง ระหว่าง 500,000-1,143,600 บาท

รัฐบาลชุดนี้ จึงคาดหวังว่า จะแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ทั่วประเทศ

อันที่จริงหลายสิบปีที่ผ่านมา น่าจะมีการสร้างฝายกันหลายแสนแห่งทั่วประเทศ  การสร้างฝายดูจะกลายเป็นสิ่งที่ทำกันแทบทุกหมู่บ้าน แทบทุกพื้นที่มาตลอด  ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล หน่วยราชการทุกยุคทุกสมัย  รวมไปถึงกิจกรรมด้าน CSR ของบริษัทต่าง ๆ

บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็ทำโฆษณาอย่างครึกโครม  ประกาศจะทำการสร้างฝาย เพื่อเป็นการคืนกำไรให้สังคม

หากคิดกิจกรรม CSR อะไรไม่ออก ก็คือการหาพื้นที่ สร้างฝายชะลอน้ำ

ในอดีตเคยมีโครงการสร้างฝายแม้วทั่วประเทศของรัฐบาลชุดหนึ่ง ใช้งบประมาณหลายพันล้านบาท  สุดท้ายกลายเป็นข่าวคดีทุจริตของผู้มีอำนาจสมัยนั้น

ฝายชะลอน้ำ หรือ Check Dam คือสิ่งก่อสร้างทำขึ้นเพื่อขวางหรือกั้นทางน้ำ ลำห้วย ลำธาร ในพื้นที่ต้นน้ำ หรือ พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง โดยมีประโยชน์ว่า เพื่อช่วยลดความรุนแรงและอัตราเร่งของกระแสน้ำในลำธาร ช่วยบรรเทาความรุนแรงอันเกิดจากการกัดเซาะพังทลายของดินบริเวณสองฝั่งลำธารบนพื้นที่ต้นน้ำ เพื่อช่วยกักเก็บตะกอนที่ไหลลงมากับน้ำในลำธารบนพื้นที่ต้นน้ำ

ทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น เพื่อช่วยให้พื้นที่ต้นน้ำซึ่งมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้ความหนาแน่นของชนิดพันธุ์พืช    ต่างๆมีมากขึ้นด้วย

ฝายชะลอน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ ฝายชะลอน้ำแบบท้องถิ่น  หรือฝายแม้ว ทำจากวัสดุธรรมชาติ

ฝายกึ่งถาวร หรือชะลอน้ำแบบเรียงด้วยหิน

ฝายถาวร แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก

และล่าสุด ฝายแกนดินซีเมนต์เป็นฝายที่มีแกนเป็นร่องลึก สามารถกักเก็บและสะสมน้ำในชั้นใต้ดินเพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมากกว่าฝายแบบทั่วไป

เชื่อกันว่า ฝายชะลอน้ำจะช่วย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ ดินเกิดการอุ้มน้ำ ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น พื้นที่มีความชุ่มชื้น อันจะส่งผลดีต่อบริเวณโดยรอบ

ฝายยังมีประโยชน์มหาศาล ราวกับยาแก้ไข้สารพัดโรค

จนมีคำพูดว่า ฝายมีชีวิต

แต่ทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอ

ฝายอาจจะเหมาะสมหากสร้างในพื้นที่แห้งแล้ง สร้างความชุ่มชื้นในดิน

แต่อีกด้านหนึ่ง ฝายก็สร้างปัญหามากมายตามมาภายหลัง หากไม่ได้สร้างในพื้นที่ที่เหมาะสม

ฝายอาจจะเหมาะกับการสร้างในพื้นที่ที่แห้งแล้ง เพื่อเก็บน้ำและสร้างความชุ่มชื้นให้ผืนดิน แต่ไม่เหมาะสมกับในพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างฝายเลย

ผู้เขียนเชื่อว่า ก่อนการสร้างฝายจำนวนมาก  ส่วนใหญ่คงไม่ได้มีการศึกษาว่าพื้นที่เหมาะสมจะสร้างหรือไม่ หรือมีการศึกษาว่าการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปกั้นลำน้ำในระบบนิเวศบริเวณนั้นจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง  อาทิเช่น

หลังสร้างฝายกั้นลำธารเสร็จในป่า  ระดับน้ำอาจจะสูงขึ้นในฤดูฝน จนเกิดน้ำท่วมพืชและสัตว์บริเวณนั้น  ต้นไม้ที่มีอายุยืนนานมาหลายสิบปี ธรรมชาติไม่ได้ออกแบบให้อยู่รอดได้ในน้ำท่วมนาน ๆ ส่วนใหญ่ยืนตายจากน้ำท่วม 

 พอช่วงฤดูแล้ง น้ำในฝายอาจจะเริ่มหยุดไหล  เกิดสภาพน้ำนิ่งก่อให้เกิดปัญหาน้ำเน่า ขาดออกซิเจน และทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำค่อย ๆ หายไป

                ปัญหาปลาในลำธารไม่สามารถว่ายทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ เพาะพันธุ์ได้ ก็เป็นปัญหาใหญ่ หลายปีก่อนจะมีการสร้างฝายคอนกรีตในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ได้มีการค้นพบปลาค้างคาวดอยอินทนนท์ ( Siamese bat catfish) สัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย พบได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นในโลก อาศัยอยู่เฉพาะที่ลำธารน้ำไหลแรงบนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

              แต่หลังจากมีการสร้างฝายบนน้ำห้วยทรายเหลืองในอุทยานแล้ว  แทบจะไม่พบปลาค้างคาวชนิดนี้อีกเลย

               ประเทศไทยมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ปลาน้ำจืดสูงมากแห่งหนึ่งของโลก คือในทวีปอเมริกาเหนือพบพันธุ์ปลา 760 ชนิด ในยุโรปพบพันธุ์ปลา 546 ชนิด แต่เฉพาะเมืองไทยพบพันธุ์ปลาสูงถึง 600 ชนิด  แต่ใกล้สูญพันธุ์ถึง 94 ชนิด

               ทุกวันนี้ยังไม่มีการวิจัยว่า ปลากี่สายพันธุ์ และสิ่งมีชีวิตตามลำน้ำกี่ชนิด ที่ค่อย ๆ หายไป ภายหลังจากการสร้างฝายตามลำน้ำเกือบทุกแห่งในประเทศ มีจำนวนและกี่ชนิดมากน้อยเพียงใด

              ปัญหาขยะจำนวนมหาศาลที่กองไว้ หลังฤดูฝนผ่านไป ฝายส่วนใหญ่จะพัง  ขยะจากกระสอบทราย เศษปูน จะกระจัดกระจายไปทั่ว จนทำให้น้ำเน่า

ปัญหาไม่มีตะกอนไปสะสมปลายน้ำ เพราะถูกฝายดักตะกอน  

ธรรมชาติของสายน้ำจะนำพาตะกอนและแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์จากต้นน้ำไปปลายน้ำ ทำให้พื้นที่เพาะปลูกสองฟากฝั่งแม่น้ำมีปุ๋ยธรรมชาติ และตะกอนยังช่วยป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอีกด้วย จากการไปสะสมดินบริเวณชายฝั่ง

ในอดีตจะมีตะกอนจากแม่น้ำหลายสายออกสู่อ่าวไทย 18.7 ล้านตัน/เดือน แต่ปัจจุบันได้ลดลงถึง 75% เมื่อเทียบกับเมื่อ 35 ปีก่อน

              ฝายอาจจะมีประโยชน์หากสร้างในพื้นที่แห้งแล้ง หรือขาดแคลนน้ำ แต่ไม่ใช่ในผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว

โดยเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตามเขตอุทยานแห่งชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีลำธารน้ำใสตลอดปี

         ครั้งหนึ่งมีภาพนักศึกษากำลังช่วยกันสร้างฝายชะลอน้ำในอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่ง  และนพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ นักอนุรักษ์ชื่อดังได้แสดงความเห็นในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า

“เห็นรอยยิ้ม อาสาสมัครทั้งหลาย แล้ว เห็นใจน้องๆมาด้วยความตั้งใจดี เปี่ยมล้นไปด้วยความกระตือรือร้นอยากทำความดีน่าเสียดาย ที่การลงแรง มุ่งหวังทำดี อยากอนุรักษ์ธรรมชาตินั้น กลับกลายเป็นสร้างผลกระทบ เสียหายร้ายแรงต่อระบบนิเวศด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะถูกชักนำโดย อวิชชา

          ลำธารที่โดนสร้างฝายนี้ เป็นลำธารสภาพดีมากในป่าสมบูรณ์  ไม่มีเหตุผลอันใดที่เหมาะสมในการเอา กระสอบพลาสติกบรรจุทราย ไปขวางกั้นให้น้ำเน่าเสีย ลำธารตื้นเขิน บ้านสัตว์น้ำถูกทำลาย   อยากให้การจัดการต่างๆของอุทยาน  อยู่บนแนวทางวิทยาศาสตร์  มิเช่นนั้น แม้เรามีเจตนาดี แต่ขาดความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง

ก็เหมือน หมอเถื่อน ที่ลงมือรักษาคนไข้ โดยขาดความรู้จริง ความตั้งใจดีนั้น ก็เลยก่อผลเสียมากกว่าผลดี”

ฝายชะลอน้ำ จึงไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน ที่ใช้ได้กับทุกพื้นที่ แล้วจะแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำได้  หากทำไม่เหมาะสมกับพื้นที่ ยิ่งก่อปัญหาสิ่งแวดล้อมมาก

ฝายแกนดินซิเมนต์ยิ่งก่อปัญหากับสภาพแวดล้อมเยอะมาก เพราะเป็นฝายกึ่งถาวร

ที่ผ่านมา เราสร้างฝายกันมาหลายแสนแห่งแล้ว แต่ไม่เคยมีการศึกษาว่า สร้างฝายแล้วคุ้มไหม ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว

ยังไม่ทันศึกษาบทเรียนในอดีต รัฐบาลมีโครงการจะสร้างฝายกันแบบปูพรมทั่วประเทศ โดยไม่ต้องศึกษาความเหมาะสมกับพื้นที่

ใครรับเหมาก่อสร้างฝายชะลอน้ำครั้งนี้ น่าจะถูกหวยมากกว่าชาวบ้านในพื้นที่แน่นอน

Leave a comment