เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นหัวหอกของ Soft Power

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

กระทรวงวัฒนธรรม ได้รับการสถาปนาครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2495 เพื่อกระตุ้นให้คนในประเทศเกิดความรู้สึกชาตินิยมและปฏิบัติตนตามแนวนโยบายของรัฐ  โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย

พอจอมพลป. พิบูลสงครามสิ้นอำนาจ กระทรวงแห่งนี้ก็ถูกยุบไปด้วยในปี 2501

จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2545 จึงมีการจัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา   กระทรวงแห่งนี้ถูกจัดเป็นกระทรวงเกรด c

 ในสายตาของนักการเมืองส่วนใหญ่ที่ผ่านมา กระทรวงนี้กลายเป็นกระทรวงปัดเศษเหลือ ที่ไม่ค่อยมีพรรคการเมืองใดสนใจจับจองเป็นกระทรวงแรก ๆ

คนที่เคยเป็นเจ้ากระทรวงแห่งนี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีกึ๋นมากพอที่จะมองทะลุให้เห็นว่า กระทรวงนี้สามารถสร้างคุณค่าอะไรมากไปกว่าเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีไทยอันดีงาม การทำนุบำรุงศาสนา ฯลฯ

ที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมจึงขับเคลื่อนด้วยแนวคิดของข้าราชการเป็นหลัก เพราะนักการเมืองไม่มีความคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ นอกจากทำตามนโยบายเชิงอนุรักษ์นิยมเป็นส่วนใหญ่

แนวคิดของผู้คนในกระทรวงนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นแนวคิดเชิงรับ มากกว่าแนวคิดเชิงรุก

มองไปที่ประเทศเกาหลีใต้ที่มีกระทรวงวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน แต่ยังควบรวมเอากีฬาและการท่องเที่ยวมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน  และมีบทบาทแตกต่างจากกระทรวงวัฒนธรรมไทยโดยสิ้นเชิง

ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา กระทรวงกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ คือเสาหลักของการสร้าง Soft Power ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เพลง(K-pop) ละครโทรทัศน์(K-Series) ภาพยนตร์(K-Movies) รวมไปถึงอาหาร ท่องเที่ยว E-Sport เกมส์ออนไลน์ต่าง ๆ  ด้วยการสนับสนุนผู้ผลิตบริษัทต่าง ๆ ด้านการเงิน การลงทุน โดยไม่เข้าไปแทรกแซง ปล่อยให้ผู้ผลิตเหล่านี้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระเต็มที่ จนทำให้ผลงานด้านศิลปะผ่านดนตรี ซีรีย์ หนัง ส่งไปตีตลาดทั่วโลก ทำให้คนสนใจประเทศเกาหลีใต้ และสามารถทำให้อาหารเกาหลีเป็นที่นิยม และนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าในเวลาไม่นาน

กระทรวงแห่งนี้ใช้งบประมาณปีละ 30,000 กว่าล้านมากกว่ากระทรวงวัฒนธรรมไทยที่ใช้งบปีละ 7,000 ล้านบาท เกือบห้าเท่า  แต่ Soft Power ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงวัฒนธรรมสามารถทำรายได้เข้าประเทศมากกว่าปีละ 2,500,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นทุกปี

จุดเริ่มต้นความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ มาจากเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤติการเงินหลายประเทศในเอเชียหรือรู้จักกันดีว่า “วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง”ที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2540 นอกจากประเทศไทยแล้ว เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนัก การขนส่งทางเรือ รถยนต์ เครื่องจักรขนาดใหญ่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ

รัฐบาลเกาหลีใต้ตระหนักดีว่า ที่ผ่านมาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศพึ่งพิงอุตสาหกรรมหนักมาโดยตลอด จนมีการตั้งโจทย์ทางเศรษฐกิจใหม่ว่า “ทำไมต้องผลิตรถยนต์ฮุนไดประมาณ 1,500,000 คัน เพื่อจะทำรายได้ให้เท่ากับภาพยนตร์จูราสสิคพาร์คเพียง 1 เรื่อง ซึ่งการผลิตรถยนต์ 1,500,000 คันนั้นต้องใช้เวลาถึงสองปี”

เข็มมุ่งของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2541ในการเพิ่มรายได้ของประเทศ คือการผลิตอุตสาหกรรมบันเทิง โดยการใช้ Soft  Power เป็นเครื่องมือสำคัญ

รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศนโยบาย Korea : Culture, Creativity and Content เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิง

กระทรวงวัฒนธรรมเกาหลีใต้จึงกลายเป็นกระทรวงหลักในการทำให้ประเทศเกิด Soft Power ทุกภาคส่วน ทุกธุรกิจ โดยสนับสนุนแนวความคิดสร้างสรรค์ของคนเกาหลีใต้อย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการผลิตวัฒนธรรมแบบ K- Pop  เป็นเป้าหมายในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

มีการก่อตั้งสถาบัน ‘The Korea Creative Content Agency’ หรือ ‘KOCCA’ รับผิดชอบเรื่อง K-pop  มีหน้าที่ผลักดันผู้ผลิตอิสระ จัดการประกวด การแข่งขันเปิดเวทีใหม่ ๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ได้ทดลองแนวคิดสร้างสรรค์ของตนเอง พร้อมกับสนับสนุนด้านการเงิน ผู้ผลิตซีรีย์ ภาพยนตร์ ดนตรี แฟชั่น การออกแบบ สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เต็มที่ ไม่มีการเซนเซอร์หรือแทรกแซงจากหน่วยงานรัฐ  สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การสร้างหอประชุมแสดงคอนเสริต์ขนาดใหญ่  พัฒนาเทคโนโลยี การวิจัยทางการตลาด ไปจนถึงการให้เช่าสตูดิโอในราคาถูก และปกป้องผลประโยชน์ของศิลปิน คนในแวดวง K-pop ด้วยการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ ฯลฯ

ที่สำคัญคือ รัฐบาลทำหน้าที่ให้การสนับสนุน ขณะที่เอกชนเป็นผู้ผลิต โดยปราศจากการแทรกแซงของรัฐ เพื่อปลดปล่อยพลัง Creative  ออกมาอย่างเต็มที่

หลังจากนั้นไม่นานในปี 2548   ซีรีย์เรื่อง “แดจังกึม” ได้ออกอากาศทั้งในจีน, เวียดนาม, ไทย, มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ก่อนจะขยายเป็น 91 ประเทศทั่วโลก และซีรีย์แค่เรื่องเดียวทำรายได้มากถึง 111.9 พันล้านวอน หรือประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท

ติดตามมาด้วยซีรีย์อีกหลายเรื่อง วงดนตรียอดนิยม ได้รับความนิยมไปทั่วโลก อาทิวง BTS บอยแบนด์เกาหลีใต้ที่ทำให้วัยรุ่นทั่วโลกคลั่งไคล้  “ชนชั้นปรสิต” (Parasite) ภาพยนตร์เสียดสีสังคมเกาหลีใต้กวาด 4 รางวัลใหญ่ออสการ์ครั้งที่ 92 รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ ขณะที่ซีรีย์ Squid Game ได้รับการตอบรับจากมหาชนทั่วโลก จนทำให้ทุกวันนี้  Netflix ออกเงินลงทุนให้กับผู้ผลิตซีรีย์เกาหลีใต้หลายพันล้านบาท

อุตสาหกรรมบันเทิงเหล่านี้ ได้กลายเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ชั้นดี พาให้คนทั่วโลกหันมาสนใจวัฒนธรรมเกาหลีแบบเนียน ๆ อาทิ อาหาร เครื่องแต่งกาย ภาษา สถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ รวมไปถึงอีสปอร์ต เกมส์วิดีโอ จนกลายเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเข้าประเทศอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ระบาดไปทั่วโลกผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง สิ่งที่กลับเข้ามาคือ รายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล และมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต จนกลายเป็นประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งอันดับสิบของโลก

เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรมไทยที่โลกลืมให้กลายเป็นกระทรวงด้าน Soft Power เสียทีเถิดครับ

Leave a comment