อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด กับความย้อนแย้งของประธานมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด

ชื่อของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด เป็นที่รู้จักกันดีในรอบหลายปีที่ผ่านมา  เพราะมีรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นประธานมูลนิธิ คือ  พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

และอีกด้านหนึ่งที่ทำการของมูลนิธิแห่งนี้คือกองบัญชาการใหญ่ของนักการเมืองผู้กว้างขวางรายนี้

หากดูภารกิจของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด ก็คือ การอนุรักษ์ผืนป่าตะวันออก รวมทั้งสิ้น 1,470,000 ไร่ โดยรวมพื้นที่ป่า 5 แห่งไว้ด้วยกัน คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา – เขาวง  อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ระยอง และชลบุรี

หากเปิดเข้าไปในเว็บไซด์ของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด จะพบตัวหนังสือขนาดใหญ่บนหน้าแรกพิมพ์ว่า

“รักษาพื้นที่ป่าผืนนี้ไม่ให้มีการบุกรุก”

“การคืนความอุดมสมบูรณ์สู่ผืนป่าตะวันออก ให้คน ป่าและสัตว์ป่า พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างยั่งยืน”

แต่แล้วเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2564  ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ได้พิจารณาเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี

อ่างเก็บน้ำแห่งนี้จะทำให้เกิดน้ำท่วมในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จังหวัดจันทบุรี จำนวน 7,503 ไร่ และท่วมป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนซ่อง จำนวน 7,097 ไร่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประธานมูลนิธิรอยต่อป่าห้าจังหวัด กลับอนุมัติให้มีการทำลายป่านับหมื่นไร่ ย้อนแย้งกับภารกิจของมูลนิธิแห่งนี้โดยสิ้นเชิง

ทั้งนี้ ตามขั้นตอนของการทำโครงการ เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบ EHIA แล้ว ขั้นตอนต่อไปทางกรมชลประทานจะดำเนินการ เพื่อขอเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติบางส่วน

“บริเวณที่จะถูกน้ำท่วมเป็นพื้นที่หัวใจสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี ”

นายภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรกล่าว

พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น ส่วนใหญ่เป็นป่าที่ราบต่ำและเป็นที่ราบสูงในบางพื้นที่ ซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยขนาดใหญ่มักเลือกใช้พื้นที่ป่าที่ราบต่ำ ประกอบกับสังคมพืชที่เป็นป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ทุ่งหญ้า และพบว่าบริเวณพื้นที่ที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดนี้ มีพืชอาหารช้างอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเป็นแหล่งอาหารที่สัตว์กินพืชส่วนใหญ่มักใช้และเป็นพื้นที่ในการหากิน

นอกจากนี้ยังพบสัตว์ป่าอีกหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่น กระทิง กวาง หมูป่า เสือลายเมฆฯ ดังนั้นการเปลี่ยนสภาพพื้นที่ป่าให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำ ถือเป็นการทำลายแหล่งอาศัยของช้างป่าซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่อย่างสิ้นเชิง

ช้างเป็นสัตว์ที่อาศัยในป่าพื้นราบเป็นหลัก แต่เมื่อป่าถูกน้ำท่วม พื้นที่หากินของช้างก็ลดน้อยลง  เป็นการกดดันให้ช้างต้องออกมาหากินในพื้นที่เกษตรของชาวบ้านรอบๆป่า เพิ่มความขัดแย้งให้กับคนกับช้างในบริเวณนี้ที่มีปัญหามานานบานปลายขึ้นอีก

ในขณะเดียวกันในอดีตที่ผ่านมา หลังสร้างอ่างเก็บน้ำ มีบทเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับช้าง เช่น อ่างเก็บน้ำคลองประแกต อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว และอ่างเก็บน้ำคลองพวาใหญ่ พบว่าหลังจากอ่างเก็บน้ำเริ่มสามารถเก็บน้ำได้ ปรากฏว่ามีช้างป่าจำนวนมากยิ่งหนีความแห้งแล้งในป่า เข้ามาหากิน กินน้ำบริเวณอ่างเก็บน้ำ  โดยมีเส้นทางหากินที่สร้างความเสียหายให้กับชุมชนเป็นวงกว้าง ในกรณีอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด ช้างป่าที่หากินในพื้นที่น้ำท่วม มีโอกาสสูงที่จะอพยพลงมาเดินวนหากินในพื้นที่ชุมชน ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของราษฎร

โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด เป็นอ่างเก็บน้ำ 1 ใน 4 แห่ง ตามโครงการในลำน้ำย่อยของลุ่มน้ำโตนด ซึ่งโครงการดังกล่าว ถูกระบุว่า มีไว้เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) (Eastern Economic Corridor)

“มันหมดยุคแล้วที่จะมาทำลายป่ากันขนาดนี้ มันมีวิธีอื่นที่จะพัฒนา หลายคนบอกว่าการอนุรักษ์ต้องคู่กับการพัฒนา แต่ผมอยากจะบอกว่ายุคนี้ป่ามันเหลือน้อย แหล่งอาศัยของสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์มันเหลือน้อย เราพัฒนาได้ แต่ต้องพัฒนาข้างนอกที่ไม่มีผลกระทบกับป่า” – ดร.อนรรฆ พัฒนวิบูลย์อดีตคณะกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อธิบายเหตุผลในการคัดค้านอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด ว่าเป็นสัญญาณการทำลายป่าอนุรักษ์ครั้งใหญ่ภายใต้ EEC

ขณะที่นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เสนอทางออกอย่างน่าสนใจด้วยการ ปรับขนาดเขื่อนให้ลดลง ก็จะสามารถได้ทั้งน้ำและลดปัญหาช้างป่าออกมารบกวนพื้นที่เกษตร

“เพียงแค่ลดระดับสันเขื่อนไม่ให้ท่วมป่านี้ ก็ได้อ่างเก็บน้ำที่เก็บน้ำได้มากพอสมควร เมื่อพิจารณาจากปริมาณน้ำฝนจังหวัดจันทบุรี ที่มีมากกว่าหกเดือน ก็น่าจะพอบริหารจัดการเก็บน้ำได้มาก หมายความว่าเมื่อกักน้ำไว้และปล่อยน้ำออกไปเดี๋ยวก็มีฝนตก นำน้ำมาเติมได้เรื่อยๆ หากบริหารจัดการน้ำให้ดีๆ และอาจเสริมด้วยแหล่งน้ำขนาดเล็กกระจายไปทั่วเก็บน้ำฝนปริมาณมหาศาลไว้ใช้ให้ทั่วพื้นที่ ไม่เพียงเฉพาะเอาที่ตกมาลงเขื่อนต้นน้ำ

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า พลเอก ประวิตร สั่งขับเคลื่อนโครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด ให้เร่งด่วนขึ้น

ภารกิจหลักของมูลนิธิรอยต่อห้าจังหวัด คือการปกป้องผืนป่าตะวันออกให้พ้นจากการถูกทำลาย และแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างกับชาวบ้านรอบ ๆ ป่า แต่สิ่งที่ประธานมูลนิธิดำเนินอยู่ดูเหมือนจะสวนทางกัน

ขณะที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ออกแถลงการณ์คัดค้าน รวมถึงประชาชนที่ร่วมลงชื่อคัดค้านอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดผ่าน CHANGE 12,000 กว่ารายชื่อ

จับตาดูว่า การเปิดศึกของนักอนุรักษ์กับรัฐบาลครั้งนี้ จะจบลงอย่างไร

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s