วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

เป็นเวลาแปดปีแล้ว ที่บรรดาฝ่ายขวา ฝ่ายอนุรักษ์นิยม และทหารบางกลุ่มได้จับมือกัน โดยมีเป้าหมายในการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โค่นล้มรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาจากการเลือกตั้ง และหลังจากนั้นแม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไป และพรรคของฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกวิถีทาง ตั้งแต่ การแก้กฎหมาย การออกแบบการเลือกวุฒิสมาชิก 250 คน และแม้ผลการเลือกตั้งฝ่ายตรงกันข้ามมีเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ก็ยังใช้กติกาที่คนของตัวเอง จัดการให้เกิด บัตรเขย่ง การให้ใบเหลือง ใบแดง ไปจนถึงการยุบพรรคการเมือง
ในที่สุดฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และครองอำนาจมาจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ข้าราชการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน
แต่เคยสงสัยไหมว่า ฝ่ายอนุรักษ์ฯที่ยึดประเทศครองอำนาจมานับสิบปี ทำไมถึงไม่สามารถครองใจประชาชนได้เลย และนับวันจำนวนแนวร่วมฝ่ายอนุรักษ์ฯ ก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
ล่าสุดการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร และส.ก.ที่ฝ่ายเสรีนิยมชนะแบบถล่มทลาย เป็นตัวชี้วัดชัดเจนถึงความตกต่ำของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างชัดเจน
ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตดังนี้
1 ความสามารถทางเศรษฐกิจ ดูเหมือนบรรดามืออาชีพที่มีฝีมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะมาร่วมรัฐบาลพากันถอยห่างจากฝ่ายนี้มากขึ้นเรื่อยๆ คือไม่อยากเปลืองตัว จนสุดท้ายนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยมีความรู้ด้านเศรษฐกิจมาก่อนเลย ต้องมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง แสดงว่าหมดท่าจริงๆ
นักการเมืองรู้ดีว่า แม้พรรคการเมืองจะมีอุดมการณ์อะไร แต่หากแก้ไขปัญหาปากท้องซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดทำไม่สำเร็จ อย่าหวังเลยว่าจะได้รับความนิยมจากประชาชน และในสภาพเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่อยู่แล้ว รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่มีคนมีฝีมือด้านเศรษฐกิจ ผลก็คือ เศรษฐกิจในยุคนี้ตกต่ำอย่างมาก ผู้คนอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย ทำนาย จีดีพีของไทยปีนี้อยู่ที่ 2.2 % ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 5 %
ไม่แปลกใจที่เสียงสนับสนุนรัฐบาลจึงลดน้อยลงตลอด สังเกตได้จากการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครครั้งนี้ ที่ผู้สมัครฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาล ได้คะแนนเสียงถล่มทลาย
2 ในระบบราชการ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่เปิดโอกาสให้คนมีความสามารถทำงานในตำแหน่งสำคัญที่ให้คุณให้โทษ แต่จะใช้เส้นสายผลักดัน คนของตัวเอง ที่ไม่เก่ง แต่พร้อมรับคำสั่งอย่างเดียว ข้ามหัวคนอื่น ๆ ขึ้นมามีอำนาจอย่างรวดเร็ว เพื่อควบคุมหน่วยงานนั้นๆให้เป็นไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตัวเองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน
3 ภารกิจของข้าราชการแทบทุกระดับในปัจจุบัน จึงต้องเอาใจเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาทุกระดับมากขึ้น เพราะเป็นผู้ให้คุณให้โทษ ให้ตำแหน่ง แทนที่จะดูแลรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษี จนข้าราชการจำนวนมากแทบไม่ได้ใช้สติปัญญาอะไร นอกจากทำตามที่นายสั่ง หรือมารอรับนาย มาดูแลนายมากกว่าดูแลประชาชน
ไม่แปลกใจ เบอร์หนึ่งของแทบทุกกระทรวง ตั้งแต่ปลัด อธิบดี ไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่เป็นคนของใครมากกว่า เพราะ คุณสมบัติความเก่ง ความเป็นมืออาชีพในวงราชการเดินตามเด็กของใครเสมอ
4 ฝ่ายอนุรักษ์ฯ หวังพึ่งเจ้าสัวที่ผูกขาดไม่กี่คนในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ สุดท้ายก็กลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม และแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมก็ทำได้ยากขึ้น เพราะผลประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองต้องมาก่อน และธุรกิจผูกขาดของกลุ่มทุนเหล่านี้ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำให้กับผู้คนในสังคมมากขึ้น
ไม่แปลกใจ ที่จะมีรายงานข่าวว่า เจ้าสัวไม่กี่กลุ่มจึงร่ำรวยมหาศาลแบบก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
5 นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ไม่มีคนฉลาด คนเก่ง ด้านอื่นๆมาร่วมทำงานด้วย ไม่มีใครอยากเปลืองตัว เพราะ รู้ดีว่า “ผนงรจตกม” เราจึงเห็นนักวิชาการฝ่ายอนุรักษ์ฯไม่กี่คน ที่ออกโรงเชียร์รัฐบาลมาตลอด และจัดเป็นแถวสอง หากไม่ใช่คนอาวุโสที่ตกยุคแล้ว ก็แทบจะไม่มีผลงานวิชาการโดดเด่นใดๆ
6 บรรดาองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ที่ผ่านมา เวลาให้สัมภาษณ์หรือออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ ก็พอเป็นตัวชี้วัดคุณภาพคนรอบกายได้ว่า ระดับสติปัญญาเป็นอย่างไร คำถามคือ แล้วคนที่มีความสามารถมีสติปัญญาล้ำลึกที่ควรจะมาเป็นขุนพลข้างกายผู้นำ หายไปไหนกันหมด
7 แนวคิดหลักด้านเศรษฐกิจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม คือการผูกขาด การหาคอนเนคชั่นหรือเส้นสาย ไปด้วยกันไม่ได้กับการสร้างเศรษฐกิจสมัยใหม่ ที่เน้นการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน ลดการผูกขาด สร้างความยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำและความเป็นอภิสิทธิ์ชน
8 ที่ผ่านมาฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงของตัวเอง คือ การเข้าสู่อำนาจ การออกกฎหมายที่ฝ่ายตัวเองได้รับประโยชน์ การใช้กฎหมายและกลไกของรัฐปรามปรามฝ่ายอื่นอย่างแข็งกร้าวและพร่ำเพรื่อ ซึ่งเมื่อใช้บ่อยๆจนอาจจะไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป อาทิเช่น ยิ่งจับคนที่มีความคิดแตกต่างทางการเมืองมากขึ้นอย่างไม่ยุติธรรม คนก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป และเป็นการผลักให้คนที่อยู่ตรงกลาง ๆ ถอยห่างจากฝ่ายตัวเองมากขึ้น
9 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายอนุรักษ์อยู่ในโลกและวิธีคิดแบบเก่าไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนวิธีการอยู่รอดในสังคมที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าตลอด เชื่อมั่นกับวิธีการเดิม ๆ เพิ่มอำนาจตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ และจำกัดอำนาจและเสรีภาพฝ่ายอื่น ๆลง จนไม่เข้าใจว่าทำขนาดนี้แล้ว ทำไมจำนวนประชาชนฝ่ายตัวเองลดถอยลง
10 สุดท้ายฝ่ายอนุรักษ์นิยมหากไม่ปรับตัว ก็ต้องล่มสลายลงด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ บทเรียนจากประเทศพม่า อาจจะเป็นโมเดลต่อไป หากฝ่ายเสรีนิยมได้รับเสียงข้างมาก มีชนะในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ ฝ่ายอนุรักษ์ฯอาจจะหาสาเหตุทำการรัฐประหารยึดอำนาจเหมือนเดิม โดยไม่สนใจเสียงประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง
คงต้องติดตามดูต่อไป ว่ากงล้อประวัติศาสตร์จะหมุนไปอย่างไร