เรื่อง วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

“พี่สนใจทำเบียร์กุหลาบไหม”
เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ผู้หลงใหลการทำ คราฟท์เบียร์ เอ่ยปากถามผู้เขียน และฝันสักวันหนึ่งจะมีโอกาสผลิตคราฟท์เบียร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายเมืองไทย
คราฟท์เบียร์ คือการผลิตเบียร์แบบโฮมเมดรายเล็กที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผู้ผลิตต้องใช้ฝีมือความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงรสเบียร์ให้มีความหลากหลายของรสชาติ และที่สำคัญแต่งกลิ่นตามธรรมชาติ ห้ามใช้สารเคมีมาแต่งกลิ่นเด็ดขาด
“กลีบกุหลาบ ทำเบียร์ได้ด้วยหรือ “ ผมถามในฐานะผู้ปลูกกุหลาบอินทรีย์รายเล็ก ๆแถวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
“ได้สิ คราฟท์เบียร์ สามารถดัดแปลงส่วนประกอบทุกอย่างในธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม ให้เกิดกลิ่น รสใหม่ ๆของเบียร์ เราสามารถสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ๆได้ไม่มีข้อจำกัด”
คราฟท์เบียร์แตกต่างจากเบียร์เยอรมัน ที่เรารู้จักดี
ในประเทศเยอรมนีมีกฎหมายฉบับหนึ่งระบุว่าเบียร์ที่ผลิตในประเทศเยอรมนีจะต้องใช้องค์ประกอบหลัก 4 อย่างเท่านั้นคือ “มอลต์ ฮอปส์ ยีสต์ น้ำ”
กฎหมายฉบับนั้นคือ Reinheitsgebot (German Beer Purity Law) หรือ กฎหมายแห่งความบริสุทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการผลิตเบียร์ไปสู่ยุคใหม่ กฎหมายนี้เริ่มขึ้นในแคว้นบาวาเรีย เมื่อปีค.ศ. 1516 ได้ตั้งค่ามาตรฐานว่า เบียร์ที่ผลิตในเยอรมนี จะต้องทำจาก น้ำ ข้าวบาร์เลย์ที่เพิ่งงอกหรือมอลต์ และดอกฮอปส์ เท่านั้น กฎหมายฉบับนี้ในอดีตจึงเรียกว่า 1516 Bavarian law ส่วนยีสต์เกิดขึ้นภายหลังจากการค้นพบวิธีพาสเจอร์ไรซ์ กฎนี้ยังตกทอดมาสู่การผลิตเบียร์ในเยอรมันเกือบทุกบริษัท
ดังนั้นเราจะไม่เห็นเบียร์ที่ทำจากข้าวสาลี หรือเบียร์รสสตอเบอรี่ ในเยอรมนี เพราะไม่ใช่มอลต์
ในขณะที่คราฟท์เบียร์ สามารถสร้างสรรค์ แต่งกลิ่นจากวัสดุตามธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ไม่มีข้อจำกัด
เพื่อนคนนี้กล่าวต่อว่า
“บ้านเรามีความหลากหลายของผลไม้ ดอกไม้เยอะมาก ตอนนี้เราจึงเห็นคราฟท์เบียร์หลายชนิดที่วางขายมีกลิ่นอ่อน ๆของบ๊วย ส้ม มะม่วง มะพร้าว ฯลฯ”
เมื่อไม่นานมานี้ ที่ เมืองแอชวิล ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา Gary Sernack นักปรุงคราฟท์เบียร์ ได้สร้างสรรค์เบียร์ IPA ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “แกงเขียวหวาน” ของคนไทย โดยแต่งกลิ่นจากส่วนประกอบของแกงเขียวหวาน คือ ใบมะกรูด ตะไคร้ มะพร้าวเผา ขิง ข่า และใบโหระพา กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
IPA เป็นประเภทของเบียร์ชนิดหนึ่ง มีดีกรีแอลกฮอล์สูงกว่าเบียร์ธรรมดา IPA หรือ India Pale Ale เกิดจากเบียร์ Pale Ale ที่ได้รับความนิยมมากในยุคอังกฤษล่าอาณานิคมและเริ่มส่งเบียร์ไปขายในอินเดีย แต่เนื่องจากระยะเวลาการเดินทางบนเรือนานเกินไป เบียร์จึงบูดเน่า ต้องเททิ้ง ผู้ผลิตจึงแก้ปัญหาด้วยการใส่ฮอปส์และยีสต์มากขึ้นเพื่อยืดอายุของเบียร์ ทำให้เบียร์มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น กลิ่นฮอปส์โดดเด่นและเบียร์มีสีทองแดงสวยงาม กลายเป็นว่าได้รับความนิยมมาก
และในบรรดาคราฟท์เบียร์ การผลิตชนิด IPA ได้รับความนิยมมากที่สุด
ในร้านอาหารเล็ก ๆของอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีคราฟท์เบียร์ IPA ท้องถิ่นยี่ห้อหนึ่ง ได้รับความนิยมสูงมาก ผลิตออกมาเท่าใดขายไม่เคยพอ แม้จะราคาแพง ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์แรงขนาด 8 ดีกรีแต่น่าเสียดายที่ต้องไปบรรจุกระป๋องถึงประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ก่อนจะนำมาวางขายในประเทศ กระป๋องละสามร้อยกว่าบาท
ทุกวันนี้ในอำเภอเชียงดาว จึงเริ่มเป็นแหล่งพบปะคนรุ่นใหม่ ผู้นิยมชมชอบการสร้างสรรค์คราฟท์เบียร์
“ ไม่แน่ในอนาคต อาจมีคราฟท์เบียร์กลิ่นกุหลาบ จากเชียงดาวก็ได้”
เพื่อนพูดด้วยความหวังว่าขณะนี้กำลังทดลองทำเบียร์กลิ่นมะม่วง หากทำสำเร็จ คงไปหาทางไปผลิตแถวประเทศเวียดนาม แล้วค่อยส่งมาขายในประเทศไทย
กฎหมายของบ้านเราในปัจจุบันกีดกันผู้ผลิตรายเล็กอย่างสิ้นเชิง
ทุกวันนี้ใครอยากผลิตคราฟท์เบียร์ให้ถูกกฎหมาย ต้องไปขอใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิต แต่มีเงื่อนไขว่า
1 มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
2 หากผลิตเพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต อาทิโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง จะต้องมีปริมาณการผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนลิตรต่อปี
3 หากจะบรรจุขวดหรือกระป๋อง ผลิตเพื่อขายนอกสถานที่ เหมือนเบียร์รายใหญ่ จะต้องผลิตปริมาณไม่ต่ำกว่า 10 ล้านลิตรต่อปี หรือไม่ต่ำกว่า 33 ล้านขวดต่อปี เป็นเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา ปี 2560
กฎหมายเหล่านี้ทำให้ผู้ผลิตคราฟท์เบียร์รายเล็กไม่มีทางแจ้งเกิดในประเทศแน่นอน
2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่รัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิต ฉบับที่.. พ.ศ… เพื่อขอแก้ไข พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 153 ซึ่ง เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ เพื่อปลดล็อกให้ประชาชนสามารถผลิตสุราพื้นบ้าน สุราชุมชน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ได้ โดยเปรียบเทียบด้วยการยกมูลค่าตลาดสุราในประเทศไทยเทียบกับประเทศญี่ปุ่น
“ผมสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ด้วยเหตุผลง่ายๆ ไทยกับญี่ปุ่นมีตลาดมูลค่าสุราเท่ากัน 2 แสนล้านกับ 2 แสนล้าน ทั้งประเทศไทยสุรามี 10 ยี่ห้อ ญี่ปุ่นมี 5 หมื่นยี่ห้อ ขนาดเท่ากัน ประเทศหนึ่งมูมมามกินกันแค่ 10 คน อีกประเทศหนึ่งกระจาย กินกัน 5 หมื่นคน ถ้าตัวเลขนี้ เพื่อนสมาชิกหรือประชาชนฟังอยู่แล้วไม่รู้สึกตงิด ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
“ตลาด 2 ประเทศ 2 แสนล้าน ใหญ่มหาศาลเท่ากัน ประเทศหนึ่งมี 10 ยี่ห้อ อีกประเทศหนึ่งมี 5 หมื่นยี่ห้อ ประเทศที่มี 5 หมื่นยี่ห้อนั้นส่งออก 93% ข้อเท็จจริงมันโกหกกันไม่ได้ สถิติโกหกกันไม่ได้ เขาทำเพื่อจะกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรของเขา นี่คือตลกร้ายของประเทศไทย”
แต่น่าเสียดายที่พรบ.ฉบับนี้ สส.ได้มีมติให้ รัฐบาลเก็บไปดองเค็ม คือให้คณะรัฐมนตรี นำไปศึกษาต่อ ภายใน 60 วัน
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 รัฐสภาได้ผ่านพรบ.วาระแรกไปได้ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วพรบ.ฉบับนี้หน้าตาจะเป็นอย่างไร
ป้จจุบัน ในประเทศเยอรมนี มีบริษัทผู้ผลิตเบียร์ประมาณ 1,300 แห่ง สหรัฐอเมริกา 1,400 แห่ง เบลเยี่ยม 200 แห่ง ขณะที่ประเทศไทยมีเพียงสองตระกูลแทบจะผูกขาดการผลิตเบียร์ในประเทศ
ลองคิดดู หากมีการปลดล็อกพรบ.สุราแล้ว ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตเบียร์อิสระ หรือคราฟท์เบียร์ที่จะได้ประโยชน์ แต่บรรดาเกษตรกร ผู้ปลูกผลไม้ ดอกไม้ พืชผลทางการเกษตรนานาชนิดทั่วประเทศ สามารถสร้างรายได้จากการแปรรูปสินค้าเกษตร เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ ในแต่ละท้องถิ่น และยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมและดื่มเหล้า เบียร์ท้องถิ่นได้ ไม่ต่างจากบรรดาเหล้า ไวน์ สาเก เบียร์พื้นถิ่นชื่อดังในชนบทของ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมนี ฯลฯ
การพังทลายการผูกขาดเหล้า เบียร์ คือการพังทลายความเหลื่อมล้ำ และเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันเสรีอย่างเท่าเทียมกัน
ใครมีฝีมือ ใครมีความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถมีโอกาสเกิดในสนามนี้ได้ โดยใช้ทุนไม่มากนัก
รัฐบาลบอกว่าสนับสนุนรายย่อย หรือ sme แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่เปิดโอกาส โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญ
แต่ในประเทศไทย ที่กลุ่มทุนผูกขาดมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลแทบทุกยุคสมัย โอกาสที่พรบ.ปลดล็อกสุราฉบับนี้จะคลอดออกมา ไม่ง่ายเลย จากผลประโยชน์อันมหาศาล และที่สำคัญคือ นับวันการเจริญเติบโตของคราฟท์เบียร์ทั่วโลกมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด
จากรายงานของ The global Craft Beer Market พบว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 คราฟท์เบียร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นอุตสาหกรรมด้านเครื่องดื่มแอลกฮอล์โตเร็วที่สุดเกือบ 300 % มีผู้ผลิตอิสระคราฟท์เบียร์หลายพันราย จนสร้างความหวั่นไหวให้กับผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ เพราะบรรดาคอเบียร์หันมาดื่มคราฟท์เบียร์กันมากขึ้น
จากข้อมูลของ Brewers Associations แห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า ในปี 2018 นั้นยอดขายเบียร์ดังในประเทศสหรัฐตกลง 1% แต่ Craft Beer เพิ่มขึ้น 3.9% หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 13 % ของยอดขายเบียร์ทั้งหมด เป็นมูลค่ากว่า 27,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างงานกว่า 5 แสนตำแหน่ง ขณะที่ตลาดในยุโรปมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 13%
สำหรับคราฟท์เบียร์ไทย ประมาณกันว่าปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 60-70 ยี่ห้อ ส่วนใหญ่ผลิตขายกันเองแบบไม่เปิดเผย เพราะผิดกฎหมาย และแบรนด์ที่วางขายในร้านค้าหรือร้านอาหารได้ ผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น และบางประเทศในยุโรป
ล่าสุด ‘ศิวิไลซ์’ คราฟท์เบียร์ไทยจากเครือมหานคร ได้สร้างชื่อเสียงระดับโลก เพิ่งได้รับรางวัลเหรียญเงินจากเวที ‘World Beer Awards 2020’ แต่ต้องไปผลิตในประเทศเวียดนาม
ตราบใดที่ทุนผูกขาดรายใหญ่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีอำนาจทุกยุคทุกสมัย เกื้อหนุน อุ้มชู ผลประโยชน์ต่างตอบแทนมาตลอด โอกาสในการปลดล็อกเพื่อความเท่าเทียมกันในการแข่งขันการผลิตเบียร์และสุราทุกชนิด ดูจะเลือนรางไม่น้อย
จะเป็นไปได้หรือที่มูลค่าน้ำเมาสองแสนกว่าล้าน จะกระจายไปสู่รายย่อยทั่วประเทศ ในประเทศที่ทุนผูกขาดกับผู้มีอำนาจคือเครือข่ายเดียวกัน
