ไทยชนะ จริงหรือ

ภาพ จาก https://www.chillpainai.com/scoop/5822/

ตลาดกลางคืนคลองถม แถวถนนวรจักร เป็นพื้นที่ที่ผมเป็นลูกค้าประจำมานานหลายสิบปี เพื่อมาเดินซื้อสินค้ามือสอง

คุ้นเคยกว่าเดินห้างสรรพสินค้าแถวบ้านเสียอีก

ทุกเย็นวันเสาร์ล่วงเลยไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์ หากใครมีโอกาสแวะเวียนไปตามตรอกซอยบริเวณคลองถม ถนนวรจักร เป็นตลาดที่เรียกว่า ตลาดไฟฉาย  เพราะขายของกลางคืน บางร้านต้องใช้ไฟฉายส่องดูสินค้า มีสินค้ามือสองวางขายแบกะดินมากมาย  ตั้งแต่กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ อุปกรณ์เดินป่า รถจักรยาน อุปกรณ์ไอที โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงตู้ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ

ตลาดมืดคลองถมเปิดขายมากว่า 30 ปี สมัยก่อนคึกคักมากเป็นพิเศษ แต่สามปีที่ผ่านมา เงียบเหงาไปมาก

 เพราะได้ถูกทางกรุงเทพมหานคร จัดระเบียบครั้งใหญ่ ห้ามไม่ให้ขายริมถนนใหญ่ ขายได้เฉพาะตามตรอกเล็ก ๆ ทำให้แผงจำนวนมากต้องย้ายออกไป  จากแผงแบกะดินหลายร้อยแผง เหลือเพียงแค่ไม่กี่สิบแผง

แต่หากมีโอกาสผมก็ยังมาแวะซื้อสินค้าเป็นประจำ โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า แบรนด์ดังคุณภาพสูง แต่ราคาถูกกว่าร้านค้าในห้างเกินครึ่ง

เย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมตั้งใจไปเดินซื้อรองเท้าเดินป่ามือสองแถวตลาดมือสองแห่งนี้ แต่ไปถึงร้านค้าใกล้ปิดแล้ว คนขายบอกว่าตอนนี้ตลาดแถวนี้ที่เคยขายตั้งแต่เย็นข้ามคืนกันจนโต้รุ่ง เปลี่่ยนมาเป็นขายเช้าถึงเย็น หลังจากที่ทางการผ่อนผันให้ขายได้ไม่นาน

ผมถามว่ามีคนเดินมาซื้อของไหม  เขาบอกว่าน้อยลงมาก ลูกค้าคงคิดว่าแถวนี้คงยังไม่เปิดขาย เพราะเป็นตลาดกลางคืนติดเคอร์ฟิวแน่นอน  ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าช่วงนี้ขายกลางวันแทน

ใกล้ปิดร้าน ผมเห็นรองเท้ามือสองที่รับมาขายกองอยู่มากมายนับร้อยคู่

เจ้าของร้านบอกว่า

“ที่บ้านผมมีรองเท้ากองไว้อีกหลายร้อยคู่  สองเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่มีเคอร์ฟิว ขายไม่ได้เลย เป็นหนี้สินหลายหมื่นบาท แต่ไม่มีเงินเข้ามาใช้หนี้เลย”

“ผมเครียดมาก เพราะเงินสดไม่มีแล้ว ต้องกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยแพง ๆ” เขาระบายให้ฟังด้วยสีหน้าอันเหน็ดเหนื่อย

ทุกวันนี้ แม้ร้านค้าเพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน แต่ก็ไม่มีคนเดินมาก ขายก็ไม่ค่อยได้ พอตกค่ำก็ต้องรีบปิด กลัวติดเคอร์ฟิวอีก

“ บอกตรง ๆ มานั่งขายของแบบนี้เสี่ยงเป็นโควิดไหม ก็เสี่ยง แต่เราก็หาทางป้องกันตัวเองได้ ไม่ว่าจะใส่หน้ากาก ใช้เจลตลอดเวลา  แต่ขายของไม่ได้ ไม่มีเงินไปใช้หนี้ ไม่รู้จะหาทางป้องกันตัวอย่างไร”

สองเดือนมานี้ ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากเรียนรู้ในการป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัดเวลาออกนอกบ้าน จนการใส่หน้ากากอนามัย การใช้เจล ล้างสบู่ทุกครั้ง กลายเป็นเรื่องปกติกันแล้ว

ผมมองไปรอบ ๆ แผงแบกะดินอื่น ๆ ทยอยเก็บข้าวของ บางแห่งเอาผ้ามามัดสินค้ารวม ๆ ไว้ รอให้พรุ่งนี้เช้าวันอาทิตย์ จะได้กลับมาขายอีก

“ ทำไมคนขายของตอนกลางคืน มันน่ารังเกียจมากหรือ ต้องห้ามขายของ และผมไม่เข้าใจว่า ทำงานกลางคืนมันเสี่ยงกับการติดโควิดมากกว่าคนทำงานกลางวันอย่างไร”  เจ้าของแผงขายของเสื้อผ้ามือสองกล่าวกับผมด้วยความคับแค้นใจ

“เมื่อไรจะเลิกเคอร์ฟิวเสียท””

นี่คือส่วนหนึ่งของคนทำงานกลางคืน

นี่คือส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวจริงจัง

อาชีพคนทำงานกลางคืนไม่ได้มีเฉพาะร้านขายเหล้า ผับ ที่มักเป็นข้ออ้างในการเป็นแหล่งมั่วสุม หรือแหล่งแพร่กระจายโรคระบาดนี้ในตอนกลางคืน

อาชีพกลางคืนไม่ได้มีเฉพาะอาชีพบริการเรือนร่าง เหมือนอย่างที่อาจารย์บางคนพูดจาดูถูก

ยังมีตลาดกลางคืนอีกนับร้อยแห่งทั่วประเทศ ที่ช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศหมุนเวียน ทำให้คนหลายหมื่นคนมีอาชีพ

 แต่กำลังเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

ไม่นับรวมคนขับแท๊กซี่กะดึก ไม่รวมพ่อค้าแม่ค้าตลาดสด ที่ต้องตื่นแต่ตีสองตี สาม มาทำงาน แต่ออกนอกบ้านไม่ได้

ที่ผ่านมา พอตกกลางคืน ผู้คนจำนวนมากเพิ่งเริ่มทำงานหาเลี้ยงชีพ   แต่พวกเขาทำไม่ได้มาสองเดือนแล้ว จวนเจียนจะอดตาย เพราะติดเคอร์ฟิว

ผู้คนเหล่านี้ทำงานแบบได้เงินอันน้อยนิด ทำงานหาเช้ากินค่ำ ทำงานกินค่าแรงขั้นต่ำสุด ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการใด ๆ มีรายได้แบบวันต่อวัน

เพียงแต่คนเหล่านี้เสียงไม่ดังพอ เท่ากับคนอีกกลุ่มหนึ่ง

แตกต่างจากผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนให้รัฐบาลยืดพรก.ฉุกเฉินออกไปอีก กลุ่มคนเหล่านี้ค่อนข้างมีรายได้ ไม่ได้เดือดร้อนทางการเงิน หรือเงินเดือนไม่ถูกลด มีเงินเก็บพอจะอยู่ต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่กลัวติดต่อเป็นโรคโควิดมากกว่า

ขณะที่คนไทยหลายสิบล้านคน กำลังสิ้นหวัง เพราะมาตรการอันเข้มข้นของรัฐบาล

หากคิดว่าการประกาศเคอร์ฟิว เพราะกลัวคนมั่วสุมเป็นแหล่งแพร่โรคระบาด รัฐบาลก็น่าจะมีวิธีการอันละเอียดเพื่อจัดการคนกลุ่มนี้มากกว่าเหวี่ยงแหประกาศเคอร์ฟิว จนสร้างผลกระทบต่อผู้คนที่ทำงานโดยสุจริตจำนวนมาก

ไทยชนะ จริงหรือ

One thought on “ไทยชนะ จริงหรือ

Leave a comment