ไม่รู้ว่าผู้คนทางภาคเหนือจะต้องฝันร้ายไปกับไฟป่าที่เกิดขึ้นน่ากลัวผิดปกติไปอีกนานเท่าใด
ไม่รู้ว่าคนทางเหนือจะถูกรมควันจากหมอกควันพิษไปอีกกี่ปี หากไม่มีการจัดการอย่างจริงจัง
ไฟป่าภาคเหนือรุนแรงขึ้นทุกปี ๆ
คุณภาพอากาศอันเลวร้ายจากหมอกควันพิษ ทำให้เชียงใหม่ติดอันดับเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกติดต่อกันมาหลายเดือนแล้ว
สาเหตุของไฟป่าที่ทำให้เกิดการรมควันพิษทั่วเมืองคืออะไรกันแน่
แน่นอนว่าไฟป่าทั้งหมดมาจากน้ำมือมนุษย์
ด้วยปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นนับสิบปี แต่แก้ปัญหาไม่เคยสำเร็จ คือ
การเผาซากพืชไร่ในพื้นที่เกษตรติดป่า แล้วลุกลามเข้าไปในป่าจนเกิดเป็นไฟป่า
ควันไฟจากการเผาซากไร่ข้าวโพดนับล้านไร่ เพื่อผลิตอาหารสัตว์ของประเทศเพื่อนบ้าน และลอยเข้ามาในประเทศ
ไฟป่าจากการจุดเผาของชาวบ้านบางคน เพื่อล่าสัตว์หรือหาเห็ด
ไฟป่าจากการจุดไฟของบรรดาคนลักลอบเลี้ยงฝูงวัวควายในป่า เพื่อให้เกิดหญ้าระบัด
ไฟป่าที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานกับชาวบ้านรอบป่าหลายแห่ง อันคุกรุ่นกันมานาน
และความแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้นทุกปีจากปัญหาภาวะโลกร้อน ยิ่งเป็นตัวเร่งให้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นและเปลวไฟร้อนแรงลุกลามใหญ่โต
แต่ปีนี้มีข้อสังเกตว่า ไฟป่าจะไหม้รุนแรงในอุทยานหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในจุดลึกที่ห่างไกลผู้คนบ่อยมาก โดยไม่ทราบสาเหตุ
ในขณะเดียวกัน ป่าที่อยู่ติดกับชุมชนที่ให้ความร่วมมือหรือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ มักจะไม่ค่อยเกิดไฟป่ารุนแรงบ่อยครั้ง เพราะทั้งเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านรอบป่าจะร่วมมือกันเต็มที่ในการดับไฟ รวมทั้งจัดเวรยามคอยตรวจตรา ทำแนวกันไฟอย่างเข้มแข็ง
ความร่วมมือ การทำความเข้าใจ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนรอบ ๆ ป่า อาจจะเป็นกุญแจไขความสำเร็จในการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า เพราะต้องยอมรับว่า ป่าอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพื้นที่หลายสิบล้านไร่ ลำพังเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีกำลังพอแน่นอน หากเกิดไฟป่าลุกลามขึ้นมา
แต่อีกด้านหนึ่ง วิธีการดับไฟป่าของทางราชการยังไม่เปลี่ยนแปลง
อย่าลืมว่า ทุกวันนี้ไฟป่าภาคเหนือที่เกิดขึ้นหลายร้อยแห่ง ความรุนแรงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ความเสียหายที่เกิดขึ้นกำลังไล่ตามไฟป่าที่ออสเตรเลีย ป่าอะเมซอน หรือป่าดิบชื้นในบอร์เนียวแล้ว
บางทีอาจจะต้องพัฒนาอุปกรณ์การดับไฟให้ทันกับความรุนแรงของไฟป่า อาทิเช่นเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าอาจจะเล็กเกินไป
บรรทุกน้ำได้ไม่กี่พันลิตร ขณะที่ไฟป่าหลายพื้นที่จำเป็นต้องใช้วิธีทิ้งบอมม์น้ำทีละหลายหมื่นลิตรเพื่อดับไฟป่าให้สิ้นซาก
นึกภาพหากไฟป่าเกิดบนเขาสูง ในป่าลึก กว่าเจ้าหน้าที่จะแบกน้ำ แบกอุปกรณ์ขึ้นเขาไปใช้เวลาหลายชั่วโมง ไฟป่าคงลุกลามไปไกลแล้ว
ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลจะต้องจัดหาเครื่องบินดับไฟป่า หรือเครื่องบินขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงมาดับไฟป่า
หากศึกษาวิธีดับไฟป่าที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย จะพบว่า
ทางการออสเตรเลียใช้เครื่องบินต่าง ๆ มากมายกว่า 500 เครื่อง ประกอบด้วย
เครื่อง DC-10 เป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ ดัดแปลงมาบรรทุกน้ำได้เที่ยวละ 44,000 ลิตร
เครื่องบินดับไฟป่าโดยเฉพาะที่เรียกว่า airtanker หลายขนาด บรรทุกน้ำได้ครั้งละ 15,000 ลิตร
เฮลิคอปเตอร์ชนิดต่าง ๆ บรรทุกน้ำได้ตั้งแต่เที่ยวละ 900- 7,000 ลิตร
ช่วงที่ไฟป่าโหมหนัก เครื่องบินเหล่านี้บินกันวันละนับร้อยเที่ยว
ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียระดมเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ที่ถูกฝึกมาโดยเฉพาะ 3,700 คน ทหารจากกองทัพบก กองทัพอากาศประมาณ 3,000 คน เข้าดับไฟป่าราวกับทำสงคราม
หากจะจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ยามนี้ บางทีรถถัง เรือดำน้ำ รถหุ้มเกราะอาจจะไม่จำเป็นเท่ากับเครื่องบินดับไฟป่า airtanker
ในปีต่อ ๆไปไฟป่าดูท่าจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเวลาแล้วที่ยุทธวิธีและอุปกรณ์การดับไฟป่าอาจจะต้องเปลี่ยนไป
หากคิดจะปกป้องลมหายใจของผู้คนทางภาคเหนืออย่างจริงจัง
เคยมีใครศึกษามูลค่าความเสียหายต่อการเกิดไฟไหม้ป่าบ้างไหม ผลกระทบจากการเกิดไฟป่า ประเมินความเสียหายได้ไหม ถ้าศึกษาแล้วควรจะลงทุนจัดหาเครื่องมือสำหรับดับไฟป่าไหม
LikeLike
รู้ไหมว่าเครื่องบินแบบนี้ไม่ใช่เหมาะทุกประเทศ.. ประเทศที่จะใช้เครื่องบินแบบนี้ขนาดนี้ต้องเป็นประเทศที่มีทะเลสาบหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่มากๆเพราะการบินร่อนเตืมน้ำต้องใช้ระยะทางมากกว่าครึ่งกิโลเพื่อเติมน้ำนี่ยังไม่รวมระยะทางร่อนลงอีกต่างหาก
LikeLike