โรคทางเดินหายใจโควิด-19 จากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ น่าจะเป็นโรคระบาดร้ายแรงในรอบหลายสิบปีที่ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุด เพราะติดต่อกันง่ายเหลือเกิน
ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 13,000 คน และมีผู้ติดเชื้อสามแสนกว่าคนแล้วในระยะเวลาเพียงสองเดือนกว่า
ขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว แต่อีกด้านหนึ่ง มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
การมาของเชื้อไวรัสนี้ ได้ช่วยชะลอสถานการณ์โลกร้อนได้อย่างชะงัด
ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์นับหมื่นคนทั่วโลกได้ออกมาเตือนว่า มนุษย์ทั่วโลกกำลังประสบหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากวิกฤตการณ์โลกร้อน ระบบนิเวศกำลังพังทลาย และดูเหมือนคำเตือนจะไร้ผล เพราะอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศก็หาได้ลดลงแต่อย่างใดไม่
จนกระทั่งการปรากฏตัวของ ไวรัสโคโรน่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการระบาดของโรคนี้อย่างรวดเร็ว และจากมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัสไม่ให้ระบาดลุกลามไปทั่วโลก ได้ส่งผลกระทบให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกมากมายโดยไม่มีใครคาดคิด
ในเมืองอู่ฮั่น ต้นกำเนิดของโรคระบาด ภายหลังการปิดเมือง ภาพถ่ายดาวเทียมชี้ให้เห็นว่า อากาศเหนือเมืองแห่งนี้ดีขึ้นทันที โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไอออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตพลังงาน เครื่องยนต์ของรถยนต์
นอกจากเมืองอู่ฮั่นแล้ว เมืองอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในจีนได้ลดการผลิตลง การเดินทางไปทั่วโลกทั้งทางอากาศ การขนถ่ายสินค้าทางเรือ ได้ลดลงฮวบฮาบ การเผาผลาญน้ำมันที่ใช้ในอุตสาหกรรมและการขนส่งก็หายไปอย่างมีนัยะสำคัญ เฉพาะประเทศจีนได้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 % หรือ 100 ล้านเมตริกตัน
เมื่อทั่วโลกต่างระงับการเดินทาง เครื่องบินโดยสารนับพันลำจอดสนิทกันเป็นแถว การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศก็ได้ลดลงอย่างมหาศาลเช่นกัน
แต่ข่าวเรือสำราญ Diamond Princess ที่บรรทุกนักท่องเที่ยวผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ จนเป็นข่าวโด่งดัง ได้เปิดเผยเบื้องหลังให้คนทราบว่า เรือสำราญหรูหราที่พานักท่องเที่ยวเดินทางไปทั่วโลกนี้ เป็นพาหนะที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก นอกจากเผาน้ำมันขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมหาศาลแล้วยัง สร้างมลภาวะให้กับชายฝั่งทั่วโลกเมื่อเรือไปจอดเทียบท่า
กล่าวกันว่า เรือสำราญลำหนึ่งปล่อยมลภาวะเท่ากับรถหนึ่งล้านคัน และกองเรือสำราญที่ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป สร้างมลภาวะมากกว่าปริมาณรถในยุโรปทั้งทวีป
แต่พิษของไวรัสโคโรน่า ได้ทำให้รายได้ปีละ 4,500 พันล้านดอลล่าร์ของเรือสำราญลดลงถึง 40% นั่นหมายความถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วย พร้อมกับการช่วยฟื้นฟูชายฝั่งทั่วโลก
นอกจากนั้น การกระจุกตัวของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในจีนกำลังถูกท้าทายว่ามีความเสี่ยงสูง ทุกวันนี้จีนถือว่าเป็นโรงงานผลิตทุกอย่างของโลก แต่เมื่อโรงงานปิด ได้ส่งกระเทือนไปทั่วโลก อาทิเช่น
เมื่อชาวประมงอังกฤษจับปลาในทะเลได้ แทนที่จะส่งไปขายในตลาดทันที ปลาเหล่านี้กลับถูกแช่แข็งและส่งอ้อมโลกไปยังประเทศจีน เพื่อให้พนักงานโรงงานในประเทศที่มีความชำนาญทำการแล่เนื้อ ก่อนจะส่งกลับมาขายในตลาดอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อจีนหยุดโรงงานทุกอย่าง ก็ส่งผลให้คนอังกฤษขาดแคลนปลาในท้องตลาดอย่างหนัก
กล่าวกันว่า หากเรือส่งอาหารหยุดแล่น เพราะไม่มีสินค้าจะส่ง ลอนดอนจะไม่มีอะไรกินภายในวันเดียว
ทุกวันนี้การนำเข้าอาหารจากทั่วโลก มีความซับซ้อนสูงมาก และเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมหาศาล
ดังนั้นมีการคาดกันว่า การผลิตอาหารของแต่ละประเทศในอนาคตจึงเป็นเรื่องของการพึ่งตนเองให้มากที่สุด มากกว่าการนำเข้าจากแดนไกล ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายการขนส่ง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
แต่สิ่งเป็นรูปธรรมสำคัญอีกประการคือ จุดจบของการค้าสัตว์ป่า ที่ผ่านมาจีนเป็นประเทศรับซื้อสัตว์ป่ารายใหญ่ที่สุดของโลก และโรคโควิด-19 นั้นนักวิทยาศาสตร์จีน ได้พบว่า ตัวนิ่ม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใกล้สูญพันธุ์ซึ่งในเอเชียมักนิยมนำไปทำเป็นอาหารและยา อาจเป็น “ตัวกลาง” ในการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ และจีนเป็นตลาดรับซื้อนิ่มรายใหญ่ของโลก และรัฐบาลจีนได้สั่งยกเลิกการค้าสัตว์ป่าทุกแห่ง ในตลาด ซุปเปอร์มาเก็ต สินค้าออนไลน์ และหากใครที่ยังเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจะถูกลงโทษทันที
รอดูกันต่อไปว่า จุดจบของการค้าสัตว์ป่าทั่วโลกจะเป็นจริงหรือไม่
แต่วิกฤติการณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนธรรมชาติกำลังสอนบทเรียนให้กับบรรดามนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการจัดส่งไวรัสโคโรน่า มาบอกให้โลกรู้ว่า เมื่อล่าสัตว์ป่ากันมาก ๆ ทำลายธรรมชาติกันหนัก ๆ อะไรจะเกิดขึ้นกับมนุษย์