“พวกมันสัญญาไว้เยอะแยะ
เยอะจนข้าเองจำไม่ได้
แต่พวกมันก็ไม่เคยรักษาสัญญาสักที
พวกมันรักษาคำพูดเหมือนกัน
แต่รักษาอยู่เรื่องเดียว
พวกมันสัญญาว่าจะเอาดินแดนของเราไป
แล้วพวกมันก็ยึดดินแดนของเราไปหมด”
นักรบอินเดียนนิรนาม
เมื่อเร็วนี้ ๆ ช่อง HBO ของเคเบิ้ลทีวี ได้นำภาพยนตร์น่าสนใจเรื่องหนึ่งมาฉาย ชื่อเรื่อง Bury My Heart At Wounded Knee ดัดแปลงมาจากหนังสือแต่งโดย ดี บราวน์ แปลเป็นฉบับภาษาไทยโดยคุณไพรัช แสนสวัสดิ์ ในชื่อว่า “ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี” พิมพ์จำหน่ายเมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีก่อน
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือขายไม่ดี แต่เป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดตลอดกาลของผม เจอตามร้านหนังสือเก่าเมื่อใดก็จะซื้อไว้แจกเพื่อนฝูงให้อ่านกัน จะได้รู้จักประวัติศาสตร์ด้านมืดของสหรัฐอเมริกา
เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เล่าเรื่องวาระสุดท้ายของ ซิตติ้ง บูลล์ นักรบอินเดียนเผ่าซูผู้มีชื่อเสียงที่สุด และเป็นนักรบคนสุดท้ายที่ยอมจำนนต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ในอดีตทวีปอเมริกาอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นที่อยู่ของอินเดียนแดงเผ่าต่าง ๆมาเป็นเวลาหลายพันปี เมื่อคนผิวขาวจากทวีปยุโรปได้เข้ามาตั้งรกรากเมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อน ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากชาวพื้นเมือง แต่พอคนขาวหลั่งไหลกันเข้ามามากขึ้น จนตั้งเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา สงครามขับไล่ชาวพื้นเมืองเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง
หลังสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกาสงบลง ในปีค.ศ. 1865 รัฐบาลสหรัฐก็มีเวลามาจัดการชนพื้นเมืองมากขึ้น คนอินเดียนแดงที่เคยมีอยู่เกือบล้านคนทั่วประเทศ ถูกสังหารหมู่ลดลงเหลือไม่ถึงสามแสนคน ขณะที่คนขาวหลั่งไหลกันเข้ามาแย่งชิงดินแดนของอินเดียนร่วม 30 ล้านคน
นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า ชาวอินเดียนแพ้คนขาว เพราะจำนวนพลเมือง และเทคโนโลยีคือ ปืนและปืนใหญ่
มีแต่เพียงขนาดของหัวใจที่ทำให้นักรบอินเดียนแดงยืนหยัดสู้มาได้หลายร้อยปี กว่าจะยอมแพ้และถูกบังคับให้ไปอยู่ในเขตสงวนอันแห้งแล้ง ไม่ต่างจากสัตว์
ซิตติ้ง บูลล์เป็นหัวหน้าเผ่าซู ที่นำนักรบเข้าสมรภูมิสู้กับกับกรมทหารม้าที่ 7 อันเกรียงไกรของนายพลคัสเตอร์ วีรบุรุษแห่งสงครามกลางเมือง เพื่อปกป้องดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียน ที่บรรดาคนขาวต้องการยึดครองเพราะอุดมไปด้วยแร่ทองคำ เขาเคยพูดว่า
ในสมรภูมิรบครั้งนั้น นายพลคัสเตอร์ถูกฆ่าตายพร้อมทหารเกือบหมด สร้างความโกรธแค้นและอับอายจนรัฐบาลสหรัฐระดมทหารออกตามหาซิตติ้ง บูลส์แทบพลิกแผ่นดิน
สุดท้ายซิตติ้ง บูลล์ยอมมอบตัว และรัฐบาลสหรัฐอเมริกาขอซื้อที่ดิน 40 ล้านไร่ผืนสุดท้ายของเผ่าซูที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุในราคาเพียง 12 ล้านดอลล่าร์ แต่ซิตติ้ง บูลส์ได้ออกมาปลุกระดมชาวอินเดียนไม่ให้ขาย เขาประกาศว่า
“แผ่นดิน ไม่ได้มีไว้ขาย เพราะไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของ”
กลางเดือนธันวาคม 1890 ทหารสหรัฐได้ส่งคนมายิงทิ้งซิตติ้ง บูลล์ตายต่อหน้าลูกเมีย ข้อหาปลุกระดมมวลชน และหลังวันคริสต์มาสต์ไม่กี่วัน กองทหารได้ยกกำลังมาล้อมค่ายแห่งหนึ่งของเผ่าซูเพื่อสั่งสอน และได้ระดมยิงกระสุนปืนกลและปืนใหญ่เข้าใส่ชาวอินเดียนที่วิ่งหนีเอาตัวรอดทั้งเด็ก ผู้หญิง และนักรบผู้ยอมวางอาวุธแล้ว ใกล้กับลำธารวูนเด็ดนี
รุ่งขึ้น นับผู้เสียชีวิตกลางหิมะได้สามร้อยกว่าคน และอินเดียนที่เหลือถูกบังคับให้ขายที่ดินให้กับรัฐบาลสหรัฐ ปิดฉากการต่อสู้ของคนอินเดียนครั้งสุดท้าย แต่เป็นรอยอัปยศของรัฐบาลสหรัฐมาจนถึงทุกวันนี้
รัฐบาลมือเปื้อนเลือด จะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ก็ไม่สามารถชำระรอยอัปยศนั้นได้