
สีฟ้า : น้ำทะเล
สีเทา : แผ่นดินที่เหลืออยู่
ที่มา The New York Times 29/10/2019
ภายใน สามสิบปีข้างหน้า
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเมืองชายฝั่งอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ The New York Times ประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2019
นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบัน Climate Central ในรัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้ทำการวิจัยและคำนวณจากข้อมูลล่าสุดของดาวเทียมหลายดวง ได้ผลออกมาว่า
ภายในปี 2050 มหานครที่อยู่ติดฝั่งทะเลหลายแห่งทั่วโลกจะประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรง
จากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
“ยิ่งเห็นตัวเลขที่ชัดเจนขึ้น เราไม่อาจมองโลกในแง่ดีได้อีกต่อไป”
งานวิจัยล่าสุดพบว่าประชากรประมาณ 150 ล้านคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน
จะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลภายใน 30 ปีข้างหน้า
แผ่นดินที่อยู่อาศัยของประชากรเวียดนาม 20 ล้านคนหรือ 1ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศจะถูกน้ำท่วม
โฮจิมินท์ซิตี้ เมืองสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศเวียดนามแทบจะจมน้ำเกือบหมด
ส่วนประเทศไทย คาดกันว่าพื้นที่อาศัยของประชากรประมาณ 10 % ของประเทศหรือ 6 ล้านคน
ที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าวไทย จะจมน้ำภายในปีค.ศ. 2050
หากดูจากแผนที่ จะเห็นว่าแผ่นดินในกรุงเทพฯมหานครส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ทะเล
ขณะที่เซี่ยงไฮ้ มหานครสำคัญอันดับต้น ๆของโลก ศูนย์กลางของเศรษฐกิจของจีนและโลกยุคใหม่
น้ำจะท่วมใจกลางสำคัญของมหานครและเมืองบริวารรอบ ๆ เซี่ยงไฮ้
ข้อมูลใหม่พบว่าบ้านเรือนของประชากรจีนประมาณ 110 ล้านคนจะจมน้ำทะเล
และต้องหนีภัยจากน้ำท่วมใหญ่
ขณะเดียวกันมุมไบ มหานครการเงินสำคัญของประเทศอินเดียและเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของโลกก็อยู่สถานะเสี่ยงภัยที่สุด เพราะทั้งมหานครอาจจะจมน้ำเกือบหมด
เช่นเดียวกับเมืองอเล็กซานเดรีย เมืองโบราณสำคัญในประเทศอียิปต์
ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายคน ได้เสนอแนวคิดทางออกป้องกันภัยจากการจมน้ำทะเลด้วย
เทคโนโลยีการสร้างกำแพงหรือเขื่อนยักษ์กั้นน้ำทะเล แบบที่ประสบความสำเร็จในประเทศเนเธอร์แลนด์
ขณะที่อีกหลายคนเชื่อว่า ในที่สุดการอพยพโยกย้ายประชากรครั้งใหญ่ของโลกที่อาศัยบริเวณชายฝั่ง
อาจจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเตือนว่า ประเทศชายฝั่งเหล่านี้ ต้องเตรียมแผนรับมืออย่างจริงจัง
เพราะมีเวลาอีกไม่นาน หากงานวิจัยชิ้นนี้มีความแม่นยำจริง
“ บัดนี้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องต้องคิดจริงจัง ในการหาพื้นที่แห่งใหม่ลึกเขาไปในแผ่นดิน
เพื่อการอพยพผู้คนมหาศาลตามชายฝั่งที่เจอปัญหาระดับน้ำทะเลสูงในอนาคต”
Dina Ionesco ผู้อำนวยการ International Organization for Migration ได้ให้สัมภาษณ์และบอกว่า
“เรารู้ว่าปัญหาน้ำท่วมชายฝั่งมาเยือนแน่นอน เราพยายามส่งเสียงเตือนวิกฤตครั้งนี้
แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีใครใส่ใจ”
ไม่มีใครรู้ว่า สัญญาณเตือนภัยครั้งนี้จะถูกต้องหรือแม่นยำมากน้อยเพียงใด
เพราะคำตอบอยู่ในอีกสามสิบปีข้างหน้า
แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเกิดขึ้นจริง อาจจะไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว
แต่อาจจะลุกลามกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นสงครามแย่งชิงแผ่นดิน แย่งชิงแหล่งน้ำ อาหาร ฯลฯ
ความโกลาหลครั้งใหญ่มาเยือนเราแน่นอน