ปีนี้ดูเหมือนกระแสการตื่นตัวเรื่องขยะพลาสติกในประเทศเรามาแรงมาก
ทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนหนึ่งคงเป็นกระแสมาจากหลายปีก่อนนักอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลก ได้ชี้ประเด็นให้เห็นว่า
ขยะพลาสติกในทะเลเป็นมหันตภัยเพียงใด
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
วิคเตอร์ เวสโคโว นักสำรวจชาวอเมริกัน ทำลายสถิติโลกด้วยการใช้เรือสำรวจดำดิ่งเกือบ 11 กม.
หรือความลึก 10,927 เมตร ไปยังร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา
ในมหาสมุทรแปซิฟิก
ที่ไม่มีมนุษย์ลงไปลึกขนาดนี้ได้
ในระดับความลึกขนาดนั้น ปราศจากแสง เขาได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกใหม่ ๆ หลายชนิด
แต่ในความมืดมิดของใต้พื้นมหาสมุทรที่ลึกที่สุด
เขายังได้พบถุงพลาสติกและเปลือกลูกอมด้วย
นั่นหมายความว่า ท้องทะเล ท้องมหาสมุทรทั่วโลก
ไม่มีพื้นที่ใดรอดพ้นจากขยะพลาสติก
ประเทศไทยก็ได้รับเกียรติเป็นประเทศทิ้งขยะพลาสติกลงท้องทะเลมากที่สุดอันดับ 6 ของโลก
ปีหนึ่งคนไทยทิ้งขยะพลาสติก ประมาณ 10,000 ล้านชิ้น
ถุงพลาสติกที่คนไทยใช้ใน 1 ปี นั้น ถูกเปรียบเทียบว่าหากนำมาต่อกันจะได้ระยะทางเท่ากับเดินทางจากโลกไปดวงจันทร์ ไปกลับ 7 รอบ
ในขณะเดียวกัน คนจำนวนมากยังไม่ทราบว่า หลายประเทศในอาเซียนรวมทั้งไทยยังนำเข้าขยะพลาสติกจากทั่วโลก
หลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศอุตสาหกรรมมักจะมีวิธีกำจัดขยะแบบหนึ่ง ด้วยการส่งไปยังต่างประเทศ ประหยัดต้นทุนการกำจัดขยะมากกว่า
สมัยก่อนประเทศจีนเป็นแหล่งใหญ่ในการส่งขยะพลาสติก
แต่ปัจจุบันจีนเข้มงวดมาก
ประเทศเหล่านี้จึงหันมาส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนที่ไม่ค่อยเข้มงวดในการนำเข้าขยะพลาสติก
กลุ่มกรีนพีซได้พบว่า
จากสถิติระหว่างปี 2559-2561 การนำเข้าขยะพลาสติกในอาเซียนเติบโตถึงเกือบสามเท่าตัว จาก 836,529 ตันเป็น 2,265,962 ตัน
หากเอาตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุขยะเหล่านี้ต้องใช้ถึงสี่แสนตู้
ในจำนวนทั้งหมด ขยะพลาสติกถูกส่งมาประเทศไทย 481,381 ตัน
สำหรับเมืองไทยคนไทยทิ้งขยะปีละ 28 ล้านตัน เป็นขยะถุงพลาสติกประมาณ 2 ล้านตัน
ส่วนใหญ่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จำเป็นต้องฝังกลบหรือเผาอย่างเดียว
สุดท้ายปลายทางของขยะพลาสติกเหล่านี้ก็ถูกทิ้งลงสู่ แม่น้ำลำคลอง และไหลออกสู่ท้องทะเล
ไม่แปลกใจที่กลุ่มประเทศในอาเซียนทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุดในโลก
ในปี 2017 จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และไทย
รวมกันทิ้งขยะพลาสติกลงมหาสมุทรมากกว่าที่เหลือทั้งโลกรวมกันเสียอีก
พลาสติกบางส่วนจะกลายเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น ที่เรียกว่าไมโครพลาสติก
แม้กระทั่งในดินแดนไกลสุดอย่างเกาะน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์ติกา
นักสำรวจยังค้นพบไมโครพลาสติกในก้อนน้ำแข็ง
ชิ้นส่วนเหล่านี้ล้วนทำอันตรายแก่สัตว์น้ำจืดทุกชนิดเมื่อสะสมในร่างกายมาก ๆ ไม่นับรวมถุงพลาสติกที่ฆ่าสัตว์น้ำปีละนับแสนตัว และฆ่านกทะเลปีละหนึ่งล้านตัว
“พลาสติก” หรือ “plastics” นั้น มาจาก ภาษากรีก”plastikos” แปลว่า
“ซึ่งสามารถหล่อหลอมให้เป็นรูปร่างต่างๆได้” เพิ่งถือกำเนิดบนโลกนี้แค่ร้อยกว่าปีเท่านั้น
พลาสติกเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมาจากขบวนการทางเคมีของน้ำมันในปีค.ศ. 1907
พลาสติกชิ้นแรกที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น นำมาใช้ทดแทนลูกบิลเลียดที่ทำจากงาช้าง
แต่ก็ได้รับความนิยมสูงมากในเวลาอันรวดเร็ว
ถุงพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีปริมาณการผลิตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับการผลิตพลาสติกชนิดอื่น ๆ ทั้งหมด
โดยคิดเป็นร้อยละ 50ของปริมาณพลาสติกทั้งหมด
การลดการใช้ถุงพลาสติกหรือถุงก๊อบแก๊บจึงเป็นสิ่งสำคัญในการพิทักษ์โลกนี้
รัฐบาลก็ตั้งเป้าว่า ในปี 2565 ไทยจะเลิกใช้ถุงหิ้วพลาสติก กล่องโฟม หลอดพลาสติก
และแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วย
จากการสำรวจของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าครัวเรือนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ได้รับถุงพลาสติกมาจากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อกว่าสามพันแห่ง
ทุกวันนี้การที่ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เริ่มไม่แจกถุงพลาสติกให้กับลูกค้า หรือใครจะซื้อต้องร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศล
ห้างไม่ต้องเสียลงทุนผลิตถุงพลาสติกปีละหลายสิบล้านบาท และได้ภาพลักษณ์ขององค์กร
ในขณะที่สามารถลดขยะพลาสติกลงได้
และหลายแห่งได้รณรงค์ให้ใช้ถุงผ้ามาใส่สิ่งของและอาหารแทนถุงพลาสติก
แต่เป็นสิ่งที่หลายคนเป็นกังวลว่า
ถุงผ้าจะล้นบ้าน
เพราะที่ผ่านมาหลายหน่วยงาน หรือหลายองค์กรพากันแจกถุงผ้าเป็นของชำร่วยมากมาย จนแต่ละบ้านแทบจะไม่มีที่เก็บ
บางคนใช้ถุงผ้าครั้งเดียวแล้วไม่เคยได้ใช้อีกเลย
ยังดีกว่าบางคนที่ได้รับถุงผ้าแล้วไม่เคยได้ใช้เลย
เราจะทำอย่างไรให้การใช้ถุงผ้ามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการผลิต
เพราะการผลิตถุงผ้าล้วนมีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การปลูกฝ้ายจนกลายมาเป็นถุง
การใช้ถุงผ้าที่ผลิตจากผ้าฝ้ายหรือพืชอื่นๆ ล้วนใช้น้ำ ปุ๋ย และเคมีมากมาย รวมถึงขั้นตอนเก็บเกี่ยว แปรรูป ผลิตเป็นถุงผ้าล้วนปล่อยก๊าซคาร์บอนเข้าสู่บรรยากาศ
รายงานจากเดนมาร์กบอกว่า ถุงผ้าใบเดียวต้องใช้ถึง 7 พันครั้งถึงจะคุ้มค่าในแง่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเปรียบเทียบกับถุงพลาสติก
แต่ที่เมืองไทย จะทำอย่างไรให้กระเป๋า หรือเป้เดินทางประจำวันของเรา นอกจากจะใส่กระเป๋าตังค์ แว่นกันแดด โทรศัพท์มือถือ หลอดกาแฟ ถ้วยน้ำ ฯลฯ แล้วยังมีถุงผ้าเล็ก ๆติดตัวไป เผื่อต้องซื้อของในร้าน
แต่ละวันแทบจะไม่สร้างขยะพลาติกเลย
นี่แหละคนรุ่นใหม่ตัวจริง