ตลอดชีวิตการทำงานของผู้เขียนสามสิบกว่าปี
แต่ละวันต้องเดินทางไปทำงานที่บริษัท ในฐานะลูกจ้างหรือพนักงานประจำ
จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เฉกเช่นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป
แต่เมื่อปีก่อน สถานการณ์เปลี่ยนไป จากนั่งทำงานบริษัท
ได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตเป็นนายตัวเอง
ไม่มีเจ้านาย ไม่มีเวลาทำงานหรือวันหยุดชัดเจน
อยากนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะในบ้านของตัวเอง
จากมนุษย์เงินเดือนมาสู่มนุษย์ freelance
แม้ตอนแรกจะรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่ต้องเด้งตื่นจากเตียงนอนแต่เช้าตรู่
เพื่อรีบไปทำงาน แต่นาน ๆ เข้า วิธีทำงานแบบใหม่
ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงหลายสิ่งหลายอย่าง
พอมานั่งทำงานในบ้านเป็นนายตัวเอง รู้สึกได้ถึงคุณภาพชีวิตที่เปลี่ยนไป
มีทั้งเรื่องที่น่ายินดี มีทั้งเรื่องที่ต้องปรับตัว
และมีทั้งเรื่องที่ต้องยอมรับสภาพความจริง
ที่อยากถ่ายทอดประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง อาทิเช่น
1 ไม่ต้องฝ่ารถติดหรือเสียเวลาชีวิตวันละสองสามชั่วโมงบนท้องถนน
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องดีที่สุดประการหนึ่งของชีวิต freelance ทีเดียว
การเสียเวลาบนท้องถนน เพื่อไปให้ทันเวลาตอกบัตรเข้าที่ทำงาน
น่าจะเป็นเรื่องที่ทรมานจิตใจผู้คนจำนวนมาก
โดยเฉพาะหากคิดว่า เวลาทุกนาทีเป็นของมีค่าจริง ๆ
2 คนที่ทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ และมีตำแหน่งสูงขึ้น ต้องยอมรับว่า
เวลาในที่ทำงาน ไม่ได้หมายถึงการทำงานจริง ๆ
แต่หลายครั้งต้องเสียเวลาไปกับการเล่นการเมืองในองค์กร
อันเป็นเรื่องของอำนาจที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
การช่วงชิงอำนาจ การเป็นคนของใคร
ดังนั้น การไม่มีการเมืองในองค์กรให้ต้องเหนื่อยใจ
จะทำให้มีสมาธิในการสร้างสรรค์งานได้จริง ๆ
3 การทำงานในองค์กร มักจะถูกคาดหวังจากเจ้านาย
ถูกสภาพแวดล้อมกดดันให้ทำงานหนัก หรือไปในทิศทางที่องค์กรต้องการ
และหลายคนต้องถูกกดดันจาก เป้าหมาย ตัวชี้วัดความสำเร็จของผลงาน
อาทิ KPI (Key Performance Indicator)
แต่เมื่อออกมาทำ’งานเองแล้ว มันจะรู้สึกโล่งอกโล่งใจแบบบอกไม่ถูก
4 ภารกิจในที่ทำงาน ส่วนใหญ่เราจะเลือกชนิดของงานไม่ค่อยได้
แล้วแต่องค์กรมอบหมายให้ทำงาน อาจจะชอบหรือไม่ชอบ
แต่ ชีวิตfreelance หากมีความสามารถจริง ๆ
ก็สามารถเลือกทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ แต่อาจเหงาบ้าง
5 สำหรับคนรักสุขภาพ เรามีเวลาเล่นกีฬา อาทิ การวิ่งออกกำลังกายได้แทบทุกวัน
นับวัน การออกกำลังกาย ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำยามว่าง
แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนต้องให้ความใส่ใจจริงจัง ในการรักษาสุขภาพระยะยาว
อย่าลืมว่า ค่ารักษาพยาบาลนับวันจะถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ
คุณภาพชีวิตของเราจะต้องดูแลอย่างดีไปตลอด
อย่าไปติดกับดักที่ว่า ทำงานมาตลอดชีวิต เพื่อเก็บเงินมารักษาตัวยามชราภาพเท่านั้น
6 เสรีภาพในการเลือกเวลาทำงาน เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมาก
เพราะเราเลือกได้ และไม่ต้องเสียเวลา
เสียความรู้สึกกับเรื่องไร้สาระมากมายบนท้องถนน และที่ทำงานเดิม ๆ
7 รู้สึกว่าเวลาแต่ละวัน จะเดินช้ากว่าปกติ
รู้สึกว่ามีเวลาทำอะไรได้มากมาย และเรายังสามารถกำหนดชีวิตการเดินทางได้เอง
อยากไปไหนก็ได้ ไม่ต้องรอวันหยุดหรือวันลาพักร้อน
8 แต่สิ่งที่ต้องปฏิบัติมากขึ้น คือ วินัยในการทำงาน ไม่มีนาย ไม่มีใครบังคับให้ทำอะไร
แต่เดดไลน์สำหรับงานที่ทำ อาจจะศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสมัยทำงานประจำ
เพราะการส่งงานตรงเวลา หมายถึงความน่าเชื่อถือของตัวเรา ในการได้งาน
นอกเหนือจากคุณภาพของงาน และคือแหล่งที่มาสำคัญของรายได้ที่เราต้องจดจำให้ดี
9 ทุกวันนี้ รายได้อันไม่แน่นอน มีอยู่แทบทุกแห่งไม่ว่าจะมีงานประจำ ที่ดูเหมือนมีความมั่นคงสูง
หรือเป็น freelance ที่ดูเหมือนความมั่นคงต่ำ
เพียงแต่ว่า การเป็นfreelance ต้องวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างละเอียด
การเริ่มต้นประหยัดเงินและค่าใช้จ่ายอย่างจริงจัง
คือความปลอดภัยในระยะยาว
10 ไม่ลองไม่รู้ แต่หากอยากออกมาเป็น freelance จริงจัง
ต้องถามตัวเราให้ชัดเจนด้วยว่า ความสามารถพิเศษจริง ๆ ของเรา คืออะไร
และเราฝึกฝนกับมันดีพอจนเรียกว่า มืออาชีพ ได้หรือยัง
เพราะในสนามการทำงานของ freelance
คำว่า มืออาชีพ คือของขวัญอันล้ำค่าที่ เราต้องหมั่นฝึกปรือวิทยายุทธ์เสมอ
แต่หาก ไม่พร้อมจริงจัง จงทำงานประจำไปก่อนเถิด
เพราะเมื่อก้าวสู่ความเป็น freelance แล้ว จะไม่มีคำว่า เสียใจ เด็ดขาด