
ผมเป็นคนชอบกินปลาแซลมอน
จำได้ว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เพื่อนพาไปกินปลาแซลมอนรมควัน เป็นครั้งแรก
ผมยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่า ปลาอะไรหนอ เนื้อสีส้มอมชมพูแสนสวย
พอได้ชิมเนื้อปลาแล้วก็เริ่มติดใจในรสชาติ หาโอกาสกินปลาแซลมอนบ้าง
แต่ไม่บ่อยนัก เพราะตอนนั้นราคาปลาแซลมอนค่อนข้างแพง
มีโอกาสไปกินอาหารญี่ปุ่น อันดับแรกที่ต้องสั่งคือซาชิมิปลาแซลมอนจิ้มวาซาบิ
วันไหนเพื่อนพาไปร้านอาหารฝรั่ง ก็จะต้องสั่งปลาแซลมอนรมควัน
จนกลายเป็นอาหารจานโปรดไปเสียแล้ว
ผมชอบกินปลาแซลมอนเพราะเนื้อสีสวยไร้กลิ่นคาว
เวลาเคี้ยวก็รู้สึกได้ถึงความลื่นมัน ได้รสธรรมชาติแสนเอร็ดอร่อย
และต้องกินแบบไม่ปรุงแต่ง ถ้าเอาปลาไปนึ่งหรือทอด รสชาติก็สู้กินแบบดิบ ๆ ไม่ได้
ระยะหลัง มีการนำเนื้อปลาแซลมอนเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรามากขึ้น
ราคาก็ไม่แพงเหมือนในอดีต
ซุปเปอร์มาร์เก็ตแทบทุกแห่งจะมีเนื้อปลาแซลมอนวางขาย
เคียงคู่กับเนื้อปลากะพง ปลาเก๋า ปลาจะละเม็ด
ในราคาไม่แตกต่างกัน
และดูเหมือนว่าราคาจะถูกกว่าเสียอีก
กล่าวคือเนื้อปลาแซลมอนที่เคยขายกันกิโลกรัมละ 700-800 บาท
บัดนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ 300-400 บาท
ขณะที่เนื้อปลาจะละเม็ดขนาดใหญ่ยังคงยืนราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-500 บาทขึ้นไป
ผู้คนเลยนิยมกินปลาแซลมอนกันมากขึ้น
ปลาแซลมอนส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศทางยุโรป
โดยเฉพาะของมีคุณภาพน่าจะมาจากประเทศนอร์เวย์
ตอนแรกเข้าใจว่า ปลาแซลแมนที่กินมาจากธรรมชาติ
แบบที่ต้องว่ายน้ำข้ามทะเลหลายพันไมล์เพื่อขึ้นมาวางไข่ออกลูกหลานที่ต้นลำธาร
และเข้าใจว่า ปลาแซลมอนที่เรากินคงต้องเป็นปลาที่พลานามัยแข็งแรงแน่
อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันโรคหัวใจ
แต่ล่าสุดเพิ่งเข้าใจว่า ปลาแซลมอนที่เรากิน เกือบทั้งหมด
เป็นปลาจากฟาร์มเลี้ยง ไม่ได้ว่ายข้ามน้ำข้ามทะเลอะไร
ส่วนปลาแซลมอนที่จับได้ตามธรรมชาติ ราคาแพงมาก
และยังไม่แน่ใจว่า บางยี่ห้อจับมาจากธรรมชาติจริงไหม
ปลาแซลมอนที่เรากินก็คงไม่ต่างจากกุ้งกุลาดำในฟาร์มเลี้ยง
ที่เราส่งไปขายเมืองนอกจนติดอันดับโลก
คือถูกเลี้ยงในสถานที่คับแคบ
ให้เติบโตมาด้วยการใช้สารเคมีและอัดยาเยอะ ๆ
ปลาแซลมอนที่ส่งมาขายบ้านเรา
ส่วนใหญ่มาจากฟาร์มเลี้ยงปลาในยุโรป
ปลาแซลมอนเหล่านี้อุดมไปด้วยเชื้อโรค
จากการเลี้ยงในสภาพแออัด
ทำให้ปลามีสภาพอ่อนแอมากกว่าปลาตามธรรมชาติ
เจ้าของฟาร์มจึงต้องใส่สารเคมีและยาปฏิชีวนะลงในบ่อปลา
เพื่อกำจัดแมลงรบกวนและเชื้อโรคหลายอย่าง
นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า ปลาแซลมอนเป็นหนึ่งในเนื้อที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุด
Jerome Ruzzin นักพิษวิทยาชาวนอร์เวย์ ได้เปิดเผยว่า
จากการศึกษาอาหารหลายชนิดในนอร์เวย์
ได้พบว่า ปลาแซลมอนปนเปื้อนสารพิษสูงกว่าอาหารชนิดอื่นถึง 5 เท่า
เขาไปสำรวจตัวอย่างฟาร์มเลี้ยงปลาแซลมอนตามอ่าวเล็ก ๆ
ตามชายฝั่งทะเลหรือ ฟยอร์ดของนอร์เวย์
ได้พบว่า ฟาร์มบางแห่งมีระดับความลึกหลายสิบเมตร มีปลานับแสนตัวว่ายแออัด
และ เมื่อเก็บตัวอย่างน้ำมาทดสอบ ปรากฎว่า
เต็มไปด้วยสิ่งตกค้าง สิ่งเจือปนมากมาย จากแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะ และสารพิษต่าง ๆ
ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา นักวิจัยพบว่า
ฟาร์มปลาแซลมอนจากแถบทางมหาสมุทรแอตแลนติกหลายแห่ง
ที่ขายในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
ปนเปื้อนด้วยสารตกค้าง polychlorinated biphenyl (PCB)
สารเคมีชนิดนี้เป็นสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ และเป็นพิษต่อระบบประสาท
ขณะเดียวกัน ปลาแซลมอนในธรรมชาติมีเนื้อเป็นสีชมพู
เพราะมันกินพวกกุ้งตัวเล็ก ๆ และพืชทะเล
ปลาแซลมอนในฟาร์มก็มีเนื้อสีชมพูน่ากินเช่นกัน
แต่เป็นเพราะมันกินอาหารปลาที่มีสารให้สีจำพวก astaxanthin และ canthaxanthin ชนิดเข้มข้น
ซึ่งหากมนุษย์ได้รับสารเหล่านี้มากเกินไป อาจจะมีผลต่อระบบประสาทตา
นอกจากนี้ เนื้อของปลาแซลมอนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังยังอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัว
ซึ่งมีผลต่อการอุดตันของเส้นเลือด แถมยังมีกรดไขมันโอเมกา-3
น้อยกว่าปลาแซลมอนในธรรมชาติถึง 3 เท่า
ดังนั้นหากบริโภคแซลมอนจากฟาร์มเหล่านี้มากเกินไป
ก็อาจส่งผลให้เกิดไขมันอุดตันของเส้นเลือดได้
ในสหรัฐอเมริกายังมีการวิจัยพบว่า
เนื้อปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงมีสารก่อมะเร็งที่มาจากอาหารปลา
ในระดับที่สูงกว่าปลาแซลมอนจากธรรมชาติถึง 16 เท่า มากกว่าเนื้อวัว 4เท่า
ไม่นับรวมว่าปลาแซลมอนบางตัวมีพยาธิทะเลอาศัยอยู่ด้วย
ทุกวันนี้การเลี้ยงปลาแซลมอนกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
เพราะมีความต้องการที่สูงขึ้นทั่วโลก
เมื่อไทยส่งกุ้งกุลาดำตีตลาดยุโรป
ฝรั่งก็ส่งปลาแซลมอนมาเป็นบรรณาการบ้าง
ทั้งสองล้วนเป็นอาหารยอดฮิต และอุดมไปด้วยสารเคมีชนิดต่าง ๆ
หันหน้าไปทางใด ล้วนเจอแต่อาหารเป็นพิษทั้งสิ้น
คงต้องกระจายความเสี่ยงในการกินอาหาร
กินทุกอย่าง กินอย่างหลากหลายชนิด
แต่กินพอประมาณ จะดีกว่าไหมหนอ