ประกาศภาวะฉุกเฉินโลกร้อน เมื่อขบวนการสิ่งแวดล้อมเริ่มเดินหน้า

 

58374718_10156256264937361_1298361844712341504_n

เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมสังเกตการณ์การประท้วงของกลุ่ม

Extinction Rebellion บริเวณริมทะเลสาบ

เมือง Dunedin ประเทศ New Zealand

 

Extinction Rebellion เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ

เริ่มประท้วงในกรุงลอนดอน และกระจายไปตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก

อาทิ ฝรั่งเศส แคนาดา เม็กซิโก อิตาลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ

เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลได้หันมาสนใจปัญหา โลกร้อน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างจริงจัง

การประท้วงของกลุ่ม Extinction Rebellion

ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา

กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ

และหยุดปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2025

 

ทุกวันนี้ ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งในขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว

ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือเร็วขึ้น 6 เท่า

เมื่อเทียบกับ 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก

 

ในกรุงลอนดอน มีการประท้วงนานติดต่อกันหลายวัน ค่อนข้างดุเดือด

กลุ่มนักเคลื่อนไหวผู้ประท้วงใช้วิธีการนั่งชุมนุมปิดถนนสายสำคัญในกรุงลอนดอน

และโจมตีสำนักงานบริษัทน้ำมันเชลล์

เพื่อกดดันรัฐบาลและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงแล้วราว 800 ราย

 

ที่ประเทศนิวซีแลนด์

กลุ่มนักเคลื่อนไหวได้ลงไปตั้งโต๊ะอาหารนั่งประท้วงริมทะเลสาบ ด้วยความสงบ

ผู้เขียนสังเกตว่า คนมาประท้วงมีทั้งคนหนุ่มสาว และคนสีดอกเลา

ทุกคนมาด้วยความสงบ และมีจุดประสงค์เดียวกันคือ

ต้องการให้ผู้มีอำนาจในโลกนี้สนใจปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง

และเร่งด่วน ก่อนจะสายเกินไป

 

ในเวลาไล่เลี่ยกัน

เกรตา ธันเบิร์ก นักสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน วัย 16 ปีชื่อดัง

ที่ล่าสุดได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อบรรดาผู้นำประเทศ เลขาธิการสหประชาชาติ

และนักการเมืองระดับสูง ในงานประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติ

ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 24 (COP 24) ที่โปแลนด์

จนกลายเป็นสุนทรพจน์ประวัติศาสตร์ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง

 

“พวกคุณบอกว่าคุณรักลูกหลานของคุณเหนือสิ่งอื่นใด

แต่คุณกลับขโมยอนาคตของพวกเขาไปต่อหน้าต่อตา

พวกคุณพูดกันแต่ว่าต้องก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความคิดแย่ๆ

แบบเดิมที่ทำให้เราต้องผจญวิกฤตการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน

ทั้งๆ สิ่งที่น่าจะต้องทำที่สุดคือการดึงเบรกฉุกเฉิน”

 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา สาวน้อยเกรตา

ได้เดินทางไปพบนักการเมืองสำคัญหลายคนของสหราชอาณาจักร

โดยเธอได้กล่าวถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

และย้ำเตือนให้กับคนเหล่านี้ว่า

 

“พวกคุณไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะยอมรับความจริง

และทิ้งปัญหาไว้ให้กับพวกเรา เด็กๆ ทั้งหลาย

คนรุ่นเธออาจจะไม่เหลืออนาคตแล้ว

 เพราะว่าคนรุ่นก่อนได้ขโมยอนาคตของพวกเธอไปหมด”

 

ไม่มีใครทราบว่าแรงกดดันจากกลุ่มนักเคลื่อนไหว Extinction Rebellion

และการเดินสายพูดของสาวน้อยเกรต้า จะส่งผลอะไรบ้าง

แต่เมื่อวันที่ 1 พค.ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ดังในวงการสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

 

เมื่อรัฐสภาอังกฤษมีมติประกาศให้ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องฉุกเฉิน

ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโลก

 

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ

สมาชิกสภาได้เห็นชอบกับการ

ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศโลก

ตามข้อเสนอของ นายเจเรอมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงาน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา

ซึ่งออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเร่งดำเนินมาตรการ

คุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อประชาชนรุ่นต่อไป

 

แม้ว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้

จะไม่มีการออกนโยบายหรือมาตรการรูปธรรมใด ๆ ออกมา

เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ

และอาจมีผลในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า

แต่รัฐสภาอังกฤษหวังว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้

จะเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลอังกฤษได้มีจุดยืนชัดเจนในการแก้ปัญหา

และเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลทั่วโลกหันมาสนใจแก้ไขวิกฤตินี้อย่างจริงจัง

 

เราอาจจะเห็นความขัดแย้งในเรื่องนี้ระหว่างอังกฤษ กับลูกพี่ใหญ่คือ สหรัฐอเมริกา

ที่ต่อต้านปัญหาการแก้ไขโลกร้อนมาโดยตลอด

 

นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า ภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้า

หากไม่มีลงมือทำอะไรอย่างจริงจัง

โลกจะพบกับหายนะอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน

 

การรุกคืบของขบวนการสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

กำลังเดินหน้าอย่างเงียบ ๆ

Extinction-Rebellion

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s