มีโอกาสได้สนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ใหญ่ และเพื่อนหลายคน
คนเหล่านี้มีการศึกษาดี มีความรู้ความสามารถ
มีสถานะทางสังคม และมีความมั่นคงในชีวิต
พวกเขาเป็นคนมีคุณภาพในสังคม
หลายคนสนใจการเมืองมานานหลายสิบปี แต่หลายคนเพิ่งสนใจการเมืองไม่กี่ปี
ส่วนใหญ่ชื่นชมและเลือกพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลทหารในปัจจุบัน
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า พรรคเหล่านี้ได้เปรียบจากกติกาของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะจำนวนสมาชิกวุฒิสภา250 คน
ที่มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี โดยที่ คสช. เป็นคนเลือกสว.เหล่านี้
คนเหล่านี้รู้ทั้งรู้ว่า กติกาเหล่านี้เอาเปรียบคู่แข่งขัน
แม้จะมีการอ้างว่ารัฐธรรมนูญผ่านการเห็นชอบจากการทำประชามติของประชาชนแล้ว
แต่ก็รู้กันว่า การทำประชามติไม่ได้บอกให้ละเอียดว่า คนเลือกสว.คือคสช.
และเวลานั้น ใครออกมาแสดงความเห็น อาจโดนจัดการได้
คนเหล่านี้รู้ทั้งรู้ว่า องค์กรอิสระ อย่าง กกต. ปปช. ไม่ได้มีอิสระโดยแท้จริง
อยู่ภายใต้การควบคุมของใคร
และใครเป็นคนชี้นำ
คนเหล่านี้รู้ทั้งรู้ว่า กติการการเลือกตั้งครั้งนี้ ดูแปลก ๆ ไม่ค่อยโปร่งใส
และเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน
แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาสนับสนุนฝ่ายนี้
แม้ว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะกวาดต้อนสส.น้ำเน่ามาเข้าคอก
ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะด้วยเหตุผลเหล่านี้คือ
1 หกปี คสช.ที่ผ่านมา พวกเขารู้สึกว่าชีวิตปลอดภัย สงบเรียบร้อยดี
ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย ใครประท้วง ก็โดนรวบทันที
แม้จะรู้ว่าคนจำนวนมาก ไม่ได้รู้สึกสงบดีเหมือนพวกเขา
แต่มีกม.ที่กดไม่ให้สามารถแสดงออกได้
2 พวกเขาเชื่อว่า คนไทยจำนวนมากยังไม่ฉลาดพอ ไม่รู้ทันความเลวร้ายของพวกทักษิณ
ยังงมงายไม่รู้ประสีประสา
จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการเลือกตั้ง เพื่อให้ฝ่ายของเขาได้อำนาจคือ สว. 250 คน
แม้จะรู้ว่าเอาเปรียบ แต่ก็ดีกว่าให้พวกทักษิณครองเมือง
3 ส่วนพรรคอนาคตใหม่ น่ากลัวไปอีกแบบ พวกเขาเชื่อว่า
แกนนำพรรคหากไม่ใช่พวกทักษิณ ก็เป็นพวกหัวรุนแรง จะเข้ามาขุดรากถอนโคนสังคม
ตอนแรกก็ไม่ค่อยสนใจคิดว่าจะได้ไม่กี่เสียง แต่เมื่อพรรคนี้ได้คะแนนเสียงถล่มทลาย
ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยในความสงบ ก็ทำให้หลายคนที่มีการศึกษาสูง
เชื่อโดยสนิทใจกับข้อกล่าวหาที่ปลิวว่อน โดยไม่ทันไตร่ตรองอะไร
พวกเขาก็จะนิ่งเฉย กับการทำงานของกกต. ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่ยุติธรรม
แต่พร้อมสนับสนุนข้อกล่าวหาต่าง ๆที่ประเคนมาให้พรรคฝ่ายตรงข้าม
ด้วยการแสดงความเห็น แชร์ หรือกดไลค์
ทำทุกอย่างไม่ให้พวกนี้ได้ผุดได้เกิด
พวกเขาจึงยินดีมากเมื่อ อนาคตใหม่ ถูกยุบพรรค
4 คนเหล่านี้ไม่เชื่อความเท่าเทียมกัน พวกเขาเชื่อว่าคนมีการศึกษาสูง
คนที่เสียภาษีมาก จะฉลาดและรู้ดีกว่าชาวบ้าน
จึงต้องมีอภิสิทธิ์มากกว่าในการปกครองและชี้นำประเทศ
5 พวกเขาจึงเชื่อว่า ประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสังคมไทย
คือต้องให้พวกเขาและคนที่เขาเลือกที่เป็นคนดี ไม่โกงกินประเทศ
เป็นคนปกครองประเทศไปสักระยะหนึ่งก่อน
จนกว่าชาวบ้านจะมีการศึกษามากกว่านี้ จะได้ไม่ถูกนักการเมืองหลอก
6 เวลาพูดถึงคำว่า นักการเมือง จะมีสองความหมาย
หากเป็นฝ่ายตรงข้าม นักการเมืองคือพวกคนเลว พร้อมจะเข้ามาโกงกิน.
หากเป็นพวกเขา นักการเมืองคือคนดีผู้เสียสละ แม้จะเป็นอดีตนักการเมืองจากพรรคตรงกันข้าม
แต่เมื่อมาอยู่พรรคที่เขาเลือกแล้วก็เป็นผู้เสียสละ
7 คนเหล่านี้เมื่อเห็นโพลว่า พรรคฝ่ายตรงข้ามมาแรงมาก เด็กรุ่นใหม่เทเสียงให้เยอะมาก
ก็จะโทษทุกอย่าง อาทิ “เด็กถูกล้างสมอง ชาวบ้านยังไม่ตาสว่าง”
แต่ไม่เคยวิเคราะห์จริง ๆ ว่า ห้าปีที่ผ่านมาเกิดอะไรกับสังคมไทย
8 เวลาพูดถึงคอรัปชั่นของพรรคพวกตัวเอง ก็จะมีคำพูดว่า
“ยังดีกว่าจำนำข้าว ดีกว่าเผาบ้านเผาเมือง”
9 คนเหล่านี้หลายคน ยอมรับว่ารัฐบาลเผด็จการก็เลวร้าย ไม่ได้มีความสามารถ
หรือจัดการปัญหาไม่ได้เหมือนที่คาดหวังไว้
แต่พวกเขาพูดไม่ได้ เพราะอีโก้ของพวกเขาแรงมากเกินกว่าจะยอมรับว่าตัวเองคิดผิด
จึงพยายามหาเหตุผลและชุดความเชื่อต่าง ๆ มาอธิบาย
10 ผู้ใหญ่ที่มีการศึกษาหลายคนเป็นน้ำล้นแก้ว ไม่สนใจความเห็นที่แตกต่าง
ไม่สนใจจะเข้าใจวิธีคิดของเด็กรุ่นใหม่ คิดเสมอว่า ความรู้ที่ถูกสั่งสอนมาและเชื่อมา
คือสิ่งที่ถูกต้อง มิอาจเปลี่ยนแปลงได้
ทั้ง ๆที่หลายคนเคร่งครัดศาสนาที่สอนเสมอว่า ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง
ทั้ง ๆ ที่หลายคนยอมรับว่า โลกทุกวันนี้ disruption อย่างรวดเร็ว
สิ่งใดทีล้าหลัง ไร้คุณค่า ก็ต้องเสื่อมความนิยม ไปเรื่อย ๆ
เมื่อมีความคิดเห็นใหม่ ๆ แปลก ๆ ที่ขัดแย้งกับความคิดตัวเอง
แทนที่จะอ่านเนื้อหาอย่างถ่องแท้ พยายามเข้าใจความคิดของเด็กเหล่านั้น
พื่อจะได้แลกเปลี่ยนกัน ตามวุฒิภาวะของตัวเอง
กลับมีอารมณ์เกรี้ยวกราด ใส่ร้ายเด็ก ป้ายสี กล่าวหาว่ามีเบื้องหลัง
ถูกล้างสมอง
เด็กไม่ได้โง่ และไม่ได้ฉลาดไปหมดหรอก หากใจเย็นพอจะคุยกัน
ไม่แปลกใจที่ผู้ใหญ๋เหล่านี้นับวัน ไม่ค่อยมีคนใส่ใจ เสื่อมศรัทธาลงเรื่อย ๆ
ทำได้เพียงรวมตัวกันในที่แคบ ๆ และส่งเสียงโหยหวนอย่างโกรธแค้น
ราวกับรู้ตัวว่า ใกล้สูญพันธุ์เข้าทุกที
เคยอ่านงานวิจัยพบว่า
คนมีอายุ คนที่ประสบความสำเร็จ มีสถานะทางสังคม มีแนวโน้มจะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมมากขึ้น
เพราะไม่อยากเปลี่ยนแปลงใดๆ
อยากมีชีวิตอย่างสงบ
โดยไม่สนใจว่า สังคมที่สงบนี้มีความยุติธรรมหลงเหลือไหม
A great observation.
เป็นบทวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมมากครับ เห็นด้วยเกือบทั้งหมดเลย
แน่นอนว่าที่เขียนมามันคงไม่ได้ถูกเสียทีเดียวทั้งหมด เพราะคงไม่ใช่ว่าพวกอนุรักษ์นิยมทุกคนจะเป็นทุกข้ออย่างในที่บทความระบุไว้ เนื่องจากมนุษย์เรามีความซับซ้อนและหลากหลายทางความคิด และย่อมมีความแตกต่างในแต่ละบุคคล แต่ในภาพรวมแล้วพวกอนุรักษ์นิยมน่าจะมีอย่างที่บทความนี้ว่ามาคนละหลายข้อ
LikeLike
ผมถามตัวเองว่าบทความแบบนี้มีประโยชน์อะไรบ้างหรือไม่? ก็ได้คำตอบว่า มี… ตรงที่ทำให้คนอย่างผม (ที่อาจจะเรียกว่าพวกเรา)ได้รู้จักพวกเขาดียิ่งขึ้น
แต่หากจะหวังว่า ถ้าพวกเขาได้มาอ่านบทความนี้แล้ว อาจทำให้พวกเขารู้จักตัวเองดีขึ้น และหันมาทบทวนความเชื่อของตนเอง ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตนเองนั้น น่าจะเป็นได้เพียงแค่ความหวังลมๆแล้งๆ นะครับ
LikeLike