ปากบารา ปลาทูและทางช้างเผือก

 

pakbara 150_resize_exposure

การมองเห็นทางช้างเผือกกลางทะเลอันดามันตอนตีสาม

เป็นเรื่องที่ไม่เห็นบ่อยนัก

ยิ่งมืดดาวยิ่งพราวฟ้า ยิ่งกระจ่างกลางทะเล

มองไปข้างหน้าเห็นแต่ความมืด

มองกลับไปชายฝั่ง ไฟถนนยังสว่างอยู่ไกลลิบๆ

การออกเรือกลางทะเลลึก มีเรื่องจดจำทุกครั้ง

กลางเดือนกรกฎาคม เมื่อหลายปีก่อน

ฤดูมรสุมกำลังมาเยือนทะเลฝั่งตะวันตก

ผมมายืนอยู่หน้าท่าเรือปากบารา

เรือประมงเข้าฝั่งกันหมดแล้ว แพปลาไร้ผู้คน คนงานตั้งวงเตะตะกร้อ

เรือรับนักท่องเที่ยววิ่งไปตามเกาะต่าง ๆ จอดสนิท ฤดูนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะ

เพราะเกาะตะรุเตาปิดชั่วคราวไม่ให้คนขึ้นฝั่ง จากคลื่นลมแรง

 

ปากบารา แต่เดิมมีชื่อภาษามลายูว่า “กัวลาบารา” แปลว่า เมืองหน้าด่าน

ในอดีตเป็นท่าเรือสำคัญเพื่อขนถ่ายสินค้าจากเกาะปีนังไม่ว่าจะเป็น ถ่าน ปลาเค็ม

หอยแห้ง เป็ด ไก่ มะพร้าวแห้ง ยางพารา บุหรี่ น้ำมันก๊าด น้ำตาล ผ้าปาเต๊ะ

จนปัจจุบันได้กลายเป็นท่าเรือสำคัญของนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปตามเกาะแก่งต่าง ๆ

อันมีชื่อเสียง อาทิ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะไข่ และ หมู่เกาะเภตรา

 

ผมเห็นชาวมุสลิมชุดขาวยืนดูพระอาทิตย์ตกดิน เดินเข้าไปทักทายด้วย

ทราบว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาจากจังหวัดนราธิวาส

ผมเพิ่งทราบว่า ชายทะเลปากบารา จังหวัดสตูลเป็นแหล่งพักผ่อนขึ้นชื่อของ

พี่น้องมุสลิมจากสามจังหวัดภาคใต้ นิยมมาเที่ยวที่นี่ทะเลสวย เงียบสงบ

ปลอดภัยปราศจากเสียงปืนและระเบิด

 

สตูลเป็นจังหวัดใต้สุดของประเทศไทยฝั่งทะเลอันดามัน

คำว่า สตูล มาจากภาษามลายูคำว่า “สโตย” มีความหมายว่า

กระท้อน ผลไม้ขึ้นชุกชุมบริเวณนี้

เป็นเมืองเก่าแก่เคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทรบุรี

ก่อนจะแยกตัวออกมาเป็นจังหวัดภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475

 

ดวงอาทิตย์กลมโตสีส้มค่อย ๆ ตกลงขอบทะเล แต่มีเมฆหนาคอยบดบัง

จนเรามองไม่เห็นตอนตะวันลับขอบทะเล

แต่แสงสีทอง ม่วง ส้มยังอาบท้องฟ้า ขับให้มวลเมฆเปล่งประกาย

สวยระยับ จนมิอาจละสายตาได้

 

เมื่อความมืดเริ่มมาเยือน ผมออกจากท่าเรือ แปลกใจที่ถนนทางเข้าท่าเรือปากบารา

เป็นถนนขนาดใหญ่สี่เลน  คนแถวนั้นบอกว่า สร้างเตรียมไว้รองรับท่าเรือน้ำลึกปากบารา

ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

 

ผมมาในช่วงพี่น้องมุสลิมถือศีลอดในเดือนรอมฎอน

(เดือนที่เก้า ตามปฏิทินทางจันทรคติของอิสลาม)

คือให้เริ่มถือศีลอดตั้งแต่แสงอรุณขึ้น จนตะวันลับฟ้า

ในช่วงดังกล่าวนี้ห้ามการกินการดื่มทุกประเภท

ไม่แปลกใจที่ร้านอาหารริมทะเลเงียบเหงามาก

นักท่องเที่ยวร้างลา ชาวบ้านก็ถือศิลอด ร้านอาหารที่เรานั่งมีเพียงโต๊ะเดียว

 

ระหว่างอาหารมื้อค่ำกับเพื่อนชาวปากบารา

พวกเขาได้เล่าให้ฟังถึงปัญหาการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่กำลังคืบคลานเข้ามาว่า

ชาวบ้านคิดอย่างไร เพื่อนบอกว่า

ตอนแรกชาวบ้านก็เห็นด้วยจากคำชี้แจงของทางกรมเจ้าท่า

เพราะนึกว่าจะมีการสร้างงาน ทำให้คนพื้นเมืองมีงานทำ

ความเจริญจะเข้ามา ทำให้เงินทองไหลมาเทมา

 

แต่เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเรื่อย ๆ ถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสัตว์น้ำ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากเริ่มสงสัย และไม่แน่ใจว่า

การสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งนี้จะนำความเจริญ

สร้างรายได้และความสุขสงบมาให้ผู้คนในชุมชนจริงหรือไม่

หรือมีแต่ปัญหามากมายที่กำลังจะตามมา

สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ฝูงปลาหายไป

และคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือคนมีเงินจากนอกพื้นที่เท่านั้น

 

แม้รัฐบาลทหารจะประกาศเดินหน้าโครงการเต็มสูบ

แต่ดูเหมือนแรงต่อต้านในท้องถิ่นก็เข้มแข็ง ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

 

ก่อนกลับผมเอ่ยถามเพื่อนท้องถิ่นว่า

อยากออกเรือไปดูการจับปลาของชาวประมงพื้นบ้านสักครั้งหนึ่ง

 

เพื่อนบอกว่า ไปไหมคืนนี้ตีสอง นั่งเรือเล็กออกทะเลลึกไปประมาณสองชั่วโมงกว่า

วางอวนจับปลาทู แต่ช่วงนี้หน้ามรสุม คลื่นลมแรง กล้าไหมเสี่ยงเหมือนกันนะ

หากสนใจจะติดต่อให้พรรคพวกให้

 

ผมไม่คิดอะไรมาก ตอบตกลงทันที

 

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในการออกทะเลจับปลา  จำได้ว่า

คืนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน พอตะวันลับฟ้า ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งติดแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม

ผมออกเรือไปกับไต้ก๋งเรือประมงอวนลากลำใหญ่ มุ่งหน้ากลางอ่าวไทย

พร้อมกับเรือประมงอีกหลายสิบลำเพื่อวางอวนจับปลาทู

เราใช้เวลาทั้งคืน ติดตามฝูงปลาทู เรือวิ่งไปถึงหน้าเมืองประจวบฯ

ก่อนจะวกกลับมากลางอ่าวรูปตัว ก

และวางอวนขนาดยักษ์ร่วมสองชั่วโมง ยกอวนขึ้นมาครั้งหนึ่ง

เห็นปลาทูนับหมื่นตัว มูลค่าหลายแสนบาท แต่บางครั้งก็ไม่ได้เลย

 

ตีสองผมมายืนรออยู่หน้าท่าเรือปากบารา

เรือประมงพื้นบ้าน หรือเรือหัวโทงลักษณะเป็นเรือหางยาวขนาดใหญ่หลายสิบลำ

ลอยลำอยู่หน้าท่าเรือ

หลง หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเจ้าของเรือลำหนึ่งแนะนำตัวเองว่า

จะให้ผมขึ้นเรือของเขา และไม่พูดอะไรมาก

เขาพาผมลัดเลาะกระโดดข้ามไปตามเรือที่จอดอยู่เป็นแพ

ก่อนจะมาถึงเรือของเขาที่จอดอยู่ด้านนอกสุด

หลงกับเพื่อนอีกคนเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ออกเรือทันที

pakbara 025_resize

เรือค่อย ๆ แล่นออกไปสู่ทะเลด้านหน้า  พร้อมเรือประมงเล็กหลายลำ

ตอนแรกที่ออกจากท่า หลงฉายไฟหน้าเรือ

แต่เมื่อพ้นปากอ่าวแล้ว หลงดับไฟ เราอยู่กลางความมืดมิดจริง ๆ

มองไปข้างหน้าไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเสียงเครื่องยนต์เรือ

หลงมั่นใจว่า เรือรักษาระยะแต่ละลำไกลพอควร

ผมนอนทับตาข่ายอวนมองดูดาวพราวฟ้าไปตลอดทาง

ราวกับจะนำเรือลำน้อยไปสู่จุดหมายกลางทะเล

เห็นทางช้างเผือกพาดผ่านท้องฟ้ายามรัตติกาล  ขณะรอบตัวมีแต่ความมืด

เป็นความปิติ สุข สงบ อย่างบอกไม่ถูก

 

เรือเริ่มโคลงเคลงมากขึ้น คลื่นลมแรง น้ำกระเซ็นเข้าสู่เรือ

เรือหัวโทงยังแล่นโต้คลื่นไปอีกสองชั่วโมง

จนเราเห็นเกาะตะรุเตาเป็นเงาสลัวขนาดใหญ่ทะมึนอยู่ด้านหน้า

หลงคอยดูจอมอนิเตอร์ของเครื่องเอคโค่ซาวเดอร์

อันเป็นอุปกรณ์ที่แสดงว่าใต้ท้องน้ำ มีฝูงปลาอยู่หรือไม่

สักพักเขาบอกว่าพบแล้ว เพื่อนร่วมงานเริ่มปล่อยตาข่ายอวนลงสู่ทะเล

ปล่อยลงด้านเดียวของเรือ ทุ่นธงสีแดงพาอวนลอยไปไกลเกือบหนึ่งกิโลเมตร

 

“ พี่รออีกชั่วโมงกว่านะ พอพระอาทิตย์ขึ้น สว่างแล้ว เราถึงจะลงมือสาวอวน”

หลงพูดพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ขณะที่เครื่องยนต์เรือดับลง ทำให้เรือโคลงมากขึ้น

คนออกทะเลทราบดีว่า หากจะเมาเรือ ก็อยู่ในช่วงเวลานี้แหละ

 

“ แต่ก่อนผมก็เป็นไกด์ พานักท่องเที่ยวมาเกาะตะรุเตา เกาะอาดัง

แทบทุกเกาะแถวนี้แหละ แต่รายได้ไม่แน่นอน

จึงมาซื้อเรือเก่า มาซ่อมแซมออกจับปลาทู รายได้ดีกว่ากันเยอะ…

วันก่อนจับปลาได้เกือบหมื่นกว่าบาท วันนี้ไม่รู้จะได้เท่าไหร่”

หลง ผู้ดูลักษณะท่าทางการพูดจาเหมือนคนเมืองมากกว่า

จะเป็นชาวบ้านหาปลาคุยให้เราฟัง

 

ไม่นานอาทิตย์ดวงกลมโตค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเหนือขอบทะเล

ขับแผ่นน้ำดูสว่างไสว เห็นระลอกคลื่นเป็นสีทองระยับ

หลงกับเพื่อนสวมถุงมือ เอาถังพลาสติกออกมาจากลัง

และเริ่มสาวอวนที่มีหน้ากว้างสองสามเมตรขึ้นมา

ไม่ถึงนาที ปลาทูตัวแรกก็ติดตาข่ายขึ้นมา

และตัวที่สอง สาม สี่ ..ก็ขึ้นมาต่อเนื่อง

สองหนุ่มช่วยกันแกะปลาทูออกจากตาข่ายโยนลงถัง ไม่นานถังก็เต็ม

เราช่วยกันยกปลาไปเทใส่ในลังพลาสติกขนาดใหญ่และตักน้ำแข็งโกยลงไป

เอาถังมาใส่ปลาทูอีก

 

มองไปรอบ ๆ เห็นเรือหัวโทงอีกหลายลำ สาวอวนจับปลาทูขึ้นมา

เรือแต่ละลำจะมีระยะไม่เข้าใกล้กัน เพื่อวางอวนไม่ให้พันกัน แต่หลงบอกว่า

“ มาจับปลาแถวนี้แทบทุกวัน ไม่มีคำว่าผิดหวัง

ปลาเยอะจริง ๆ แต่หากมีมรสุมก็ออกเรือไม่ได้ แบบวันนี้ก็เสี่ยงเอา”

 

ผมเห็นปลาดาบ ปลาอินทรี ฯลน ปะปนมาด้วย

มันคงติดตามมากินปลาทูจึงติดอวนมาด้วย

แต่มีปลาชนิดหนึ่งคล้ายปลาสิงโต ติดอวนมาทีไร

หลงจะเอาค้อนทุบก่อนจะโยนลงทะเล

บอกว่าเขี้ยวมีพิษมาก ชาวประมงเจอต้องทุบหัวแบน

pakbara 125_exposure_resize

การสาวอวนทำได้ค่อนข้างช้า ปลาติดอวนมาเยอะมาก

ต้องเสียเวลาแกะปลาออกจากตาข่าย

หลงบอกว่า ต้องไปถึงท่าเรือก่อนสิบโมงเช้า เพราะตลาดปลาเริ่มแล้ว

และปลาทูจะไม่สดหากไปถึงสายกว่านี้

แต่ผมยังเห็นทุ่นธงแดงอยู่ห่างไปหลายร้อยเมตร

หลงตัดสินใจสาวอวนขึ้นอย่างเดียว

ไม่ต้องแกะปลาเพื่อให้กลับทันเวลา

ดูเหมือนเรือทุกลำจะรู้เวลาดี ไม่นานเรือประมงพื้นบ้าน

ก็ทยอยกันแล่นเข้าฝั่ง

 

ชั่วระยะเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง หลงจับปลาทูได้ร่วมสองร้อยกิโลกรัม

ประมาณสองพันกว่าตัว น้ำหนักปลาหนึ่งกิโลกรัม จะมีปลา ๑๐-๑๕ ตัว

ขายแม่ค้าได้ประมาณกิโลกรัมละ ๓๐-๕๐ บาท แล้วแต่ขนาดของปลา

 

เมื่อสาวอวนขึ้นมาหมด คาดว่าวันนั้นหลงน่าจะได้เงินไม่ต่ำกว่าแปดพันบาท

สะท้อนความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเล

ไม่แปลกใจที่ปากปากบารามีเรือประมงพื้นบ้านร่วมห้าร้อยลำ

 

ผมนั่งตรงหัวเรือ ช่วยกันแกะปลาทูออกจากตาข่ายอวน

บางตัวโดนปลาอื่นกัดขาดไปครึ่งตัว ก็โยนกลับลงทะเล

เรือแล่นช้าลงจากน้ำหนักปลา โต้คลื่นโยกเยกมากกว่าตอนมา

แดดเริ่มแรง แต่ไม่มีแสงดาวนำทาง

 

ก่อนหน้านี้เพียงแปดชั่วโมง ในความมืดมิด ทะเลสีดำสนิท

มีแต่ดาวนับล้านระยิบระยับบนทางช้างเผือก ราวกับอยู่กันคนละโลก

เป็นการเดินทางในความทรงจำอันไม่รู้ลืมอีกครั้งหนึ่ง

pakbara 137_exposure

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s