สถานการณ์หมอกควันพิษในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ติดอันดับหนึ่งของโลกมาหลายวันแล้ว
ดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศเชียงใหม่ใกล้ทะลุ. 300
ขณะที่หลายจังหวัดในภาคเหนือกำลังทะลุ400 แล้ว
บางพื้นที่ในจังหวัด ค่า PM 2.5 สูงทะลุ 500 จุด มากกว่าระดับปรกติถึง 100 เท่า
คุณภาพอากาศทุกอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ เลวร้ายที่สุดในโลก
แพทย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ค่าฝุ่น p.m.2.5
ได้คร่าชีวิตของคนในอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 1.6% ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์
ประชาชนที่เชียงดาวเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3.5% ในขณะที่ผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลได้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 15%
เราไม่รู้หรอกว่า จะมีคนป่วยตายอีกเท่าไหร่จากเหตุการณ์ครั้งนี้
หากเป็นประเทศอื่นในโลกนี้ หลายจังหวัดจะถูกประกาศเป็นจังหวัดภัยพิบัติ หรือประกาศภาวะฉุกเฉิน
รัฐบาลออกมาตรการเร่งด่วนให้ทุกคนในเมืองเตรียมตัวรับสถานการณ์อันเลวร้ายอย่างไร
จะมีการออกมาตรการ ข้อกำหนดต่าง ๆ และรับมือกับภัยพิบัติอย่างละเอียด เป็นขั้นตอน
อาทิ การแจกหน้ากากกันพิษ การหยุดการเรียนการสอน และการเอาจริงเอาจัง เข้มข้นกับการดับไฟป่า
แต่ทุกวันนี้ นอกจากความขุ่นมัวของท้องฟ้า และทัศนวิสัยอันปกคลุมด้วยหมอกควันพิษแล้ว
มีแต่ความเงียบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รัฐบาลและผู้มีอำนาจ ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า ไปตรวจเยี่ยม แจกสิ่งของ ให้นโยบาย
แล้วบินกลับไปอยู่ห้องแอร์ที่กรุงเทพฯต่อไป
ราวกับเป็นงานประจำที่ทำทุกวัน ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินอะไร
ซ้ำร้ายผู้ว่าราชการบางจังหวัดบอกว่า ไม่ประกาศเป็นจังหวัดภัยพิบัติ เพราะยังไม่หายนะจริง
ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยต้องออกมาดับไฟป่าอย่างหนักหน่วง
ปล่อยให้ชาวบ้านต้องช่วยเหลือตัวเอง ราวกับว่าไม่มีรัฐบาล
ไม่มีผู้นำคนไหน ออกมาร่วมทุกข์ร่วมสุข หรือดับไฟกับชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย
หลายคนเริ่มสงสัยว่า เสียภาษีไปทำไม
เพราะหากย้อนเวลากลับไปหลายเดือนก่อน
หากรัฐบาลมีมาตรการระยะยาว ระยะสั้นในการจัดการแก้ไขต้นเหตุของปัญหาไฟป่าอย่างจริงจัง
คุณภาพอากาศคงจะไม่เลวร้ายเท่าตอนนี้ อันได้แก่
ปัญหาการเผาพืชไร่ โดยเฉพาะข้าวโพด หลังการเก็บเกี่ยว เพราะทุกวันนี้
เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่การเกษตรมาส่งเสริมให้คนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อการส่งออก
พื้นที่เกษตรและการบุกรุกป่าเพื่อปลูกข้าวโพดได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ
ทุกวันนี้พื้นที่ปลูกข้าวโพดทั่วประเทศมีประมาณ 7 ล้านไร่ และอยู่ในภาคเหนือถึง 4.5 ล้านไร่
แน่นอนว่าหลังฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงนี้ การเผาพืชไร่ของชาวไร่ เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกต่อไป
จึงยังทำกันสม่ำเสมอ
เพราะชาวไร่ไม่มีวิธีอื่น แม้ว่าจะมีการออกประกาศห้ามเผา แต่ในทางปฏิบัติ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นอกจากเผาพืชไร่ในพื้นที่ของตัวเองแล้ว ยังลุกลามเข้าไปในป่าที่ติดกันอีก เป็นปัญหาใหญ่
เพราะการดับไฟป่ายากลำบากมาก ไม่รวมถึงการบุกรุกป่าเพื่อทำไร่ข้าวโพด
และถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็จุดไฟเผา ลุกลามเป็นไฟป่า
ปัญหาหมอกควันพิษที่ลอยมาจากการเผาซากไร่ประเทศเพื่อนบ้านหลายล้านไร่ จากนโยบายส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเพื่อนำมาทำอาหารสัตว์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมการเกษตร
อีกสาเหตุหนึ่ง เกิดขึ้นไม่นาน คือ กลุ่มนายทุนจากตัวเมือง ที่ว่าจ้างชาวบ้าน
ชาวเขาที่อาศัยใกล้ป่าหลายแห่ง ให้เลี้ยงฝูงวัวควายหากินในป่า และพอเข้าหน้าแล้ง
ก็จุดไฟเผาป่า หวังจะเกิดหญ้าระบัด ให้วัวควายได้กิน กลายเป็นสาเหตุสำคัญ
เพราะเป็นการตั้งใจจุดไฟเผาป่า จนกลายเป็นไฟลามไปทั้งป่า
แต่การสร้างกลไกในการดับไฟป่า
จำเป็นต้องได้รับความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน
ตั้งแต่ส่วนราชการด้วยกันเอง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไปจนถึง ภาคเอกชน
ชาวบ้านอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งในความเป็นจริงยังเกิดขึ้นน้อยมาก
ซ้ำร้ายกับสภาพอากาศแปรปรวนจากปัญหาโลกร้อน ทำให้ช่วงเวลานี้ อากาศเย็นยังปกคลุมบางพื้นที่
มีความกดอากาศสูงปกคลุม ทำให้เกิดสภาพอากาศนิ่งกดทับหมอกควันที่ลอยเหนือเชียงใหม่
ดังนั้น การเตรียมตัวรับมือกับปัญหาหมอกควันพิษจึงต้องเป็นการวางแผนระดับชาติ
ต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี
รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาทั้งภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ
รวมถึงความร่วมมือระดับอาเซียนในการแก้ปัญหาหมอกควันพิษอย่างจริงจัง
อย่าลืมว่า ความเงียบของชาวเชียงใหม่ มันเป็นความทุกข์ทรมาน ที่รอวันระเบิดออกมา
เพื่อเรียกร้องการหายใจอากาศบริสุทธิ์ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ทุกคน
หรือว่า ความสิ้นหวังหน้าตาเป็นอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
After l᧐oking at a few of the blog posts ⲟn youг site, I honestly like your way of blogging.
I saved it to my bookmark webpage list and will be
checking back in the near future. Please check out my webѕite as well and let me
know уour opinion.
LikeLike