ปรีดา ผู้ช่วยชีวิตนกเงือก 600 ตัว

 

 

 

IMG_6405
ปรีดา เทียนส่งรัศมี

มีคนเคยกล่าวว่า ในชีวิตคนเราจะมีความศรัทธาในชีวิตได้ไม่กี่อย่าง

เมื่อศรัทธาแล้วมักจะทุ่มเททำเพื่อสิ่งนั้นอย่างเต็มที่

บางคนศรัทธาในพระเจ้า

บางคนศรัทธาในเงินทอง

แต่ผู้ชายคนนี้ศรัทธาในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า นกเงือก

เขาทุ่มเทชีวิตตลอดยี่สิบกว่าปี

เพื่อทำให้นกเงือกในป่าลึกใต้สุดของประเทศรอดชีวิตจากการสูญพันธุ์

 

คนไทยจำนวนมากยังไม่รู้จักนกเงือกว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

พูดถึงนกเงือกหลายคนยังนึกเป็นภาพนกทูแคนในทวีปอเมริกาใต้

 

นกเงือกในเมืองไทยมีอยู่ในป่าไม่กี่แห่ง อาทิ ป่าห้วยขาแห้ง ป่าเขาใหญ่ ป่าฮาลา บาราและป่าบูโด นราธิวาส

 

นกเงือกเป็นนกโบราณ ถือกำเนิดมาเมื่อ 50 ล้านปี และเป็นนกที่ช่วยกระจายพันธุ์ไม้กว่า 200 ชนิดในป่า จากการกินผลไม้ เมล็ดพืช และบินไปตามที่ต่าง ๆ  ขับถ่ายเมล็ดพันธุ์ไปทั่วป่า

นกเงือกจึงเป็นนกที่มีความสำคัญในระบบนิเวศน์มาก

เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน มูลนิธินกเงือกโดยดร.พิไล พูลสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญนกเงือกระดับโลก

ผู้ริเริ่มโครงการศึกษาวิจัยด้านนิเวศวิทยาของนกเงือก

โครงการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลกร่วมสามสิบปี  ได้ส่งเด็กหนุ่มนามปรีดา เทียนส่งรัศมี ลงมาสำรวจนกเงือกบริเวณเทือกเขาป่าบูโด จังหวัดนราธิวาส

ปรีดาจบจากโรงเรียนเพาะช่างและสถาบันราชภัฎสวนดุสิต

ชีวิตที่ผ่านมาทุ่มเทให้แก่การศึกษาธรรมชาติอย่างจริงจัง โดยเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยนกเงือกที่

เขาใหญ่ ห้วยขาแข้ง และล่าสุดที่เทือกเขาบูโด

สมัยก่อนแถวเทือกเขาบูโด แทบจะไม่มีคนนอกพื้นที่กล้าเข้ามาทำงาน

จากปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

จนกระทั่งปี 2537  มีชาวบ้านมาบอกอาจารย์พิไลว่า พบนกเงือกหัวแรด

ตอนนั้นนกชนิดนี้เป็นนกหายากซึ่งคิดว่าสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยแล้ว

DSC_9240.1.1
นกเงือกหัวแรด

พออาจารย์พิไลเข้ามาสำรวจ ก็พบว่ายังมีนกเงือกหัวแรด และพบนกเงือกชนิดอื่น ๆ อีก 5 ชนิด

คือ นกชนหิน นกเงือกหัวหงอก นกกก นกเงือกกรามช้าง และนกเงือกปากดำ

รวมเป็น 6 ชนิดจากจำนวนนกเงือกในเมืองไทยที่มี 13 ชนิด

นกเงือกยังเป็นดัชนีชี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่า เพราะใช้พื้นที่หากินกว้างขวางแล้ว

นกเงือกไม่สามารถเจาะโพรงรังเองได้ต้องอาศัยโพรงจากธรรมชาติ เช่นนกหัวขวานหรือเกิดจากเชื้อราเป็นต้น แล้วจึงเข้าไปใช้โพรงเพื่อเป็นรังต่อไป

แต่จากการสำรวจของปรีดาพบว่าสถานการณ์ของนกเงือกไม่สู้ดีนัก

เพราะเทือกเขาบูโดมีหมู่บ้านชาวมุสลิมตั้งอยู่ล้อมรอบ ชาวบ้านเริ่มรุกป่า

ตัดไม้เถื่อนมาขายมากขึ้น และมีการขโมยลูกนกเงือกในรังไปขายเป็นประจำทุกปีŽ

“คนมุสลิมไม่กินนกใหญ่ ไม่กินนกที่โฉบกินสัตว์อื่นเป็นอาหารŽ

ชาวมุสลิมไม่ล่านกเงือกกินเป็นอาหาร แต่ยอมรับว่าในอดีตขโมยลูกนกเงือกมานับสิบปีแล้ว”

ชาวมุสลิมคนหนึ่งเล่าให้ผู้เขียนฟัง

ลูกนกเงือกเป็นของเล่นสำหรับคนมีเงิน มีคนรับซื้อถึงตัวละ 5,000บาท

แต่หากลักลอบขนลูกนกเงือกเหล่านั้นมาขายที่ตลาดอตก. ในกรุงเทพฯ จะได้ราคาดีมาก

คือ นกเงือกหัวหงอกตัวละ 3 หมื่นบาท นกชนหินตัวละ 2 หมื่นบาท

 

IMG_6408
เขตอนุรักษ์นกเงือกในหมู่บ้าน

มูลนิธินกเงือกจึงเริ่มโครงการ”อุปการะนกเงือก” ขึ้นมาเพื่อหาทุน โดยให้คนที่รักนกเงือก

ได้บริจาคเงินเพื่อดูแลนกเงือกทั้ง 6 ชนิดในป่าบูโด โดยรับเป็นผู้อุปการะ ครอบครัวนกเงือกแต่ละรัง

ที่ชาวบ้านดูแล แล้วชาวบ้านจะส่งรูป ส่งรายงานสถานะของครอบครัวนกเงือก ให้กับผู้อุปการะทุกระยะ

ปรีดาเข้าหาชาวบ้าน พยายามให้ชาวบ้านรอบ ๆ เทือกเขาเห็นคุณค่าของนกเงือก

และชักชวนให้คนที่เคยจับลูกนกเงือก หรือเจ้าของสวนที่มีต้นไม้ที่นกเงือกทำรังมา

ร่วมกันอนุรักษ์นกเงือก โดยเป็นผู้ช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมของนกเงือก

หากชาวบ้านพบนกเงือกเข้ารังตามต้นไม้ใหญ่แล้วมารายงาน

ทางโครงการฯ จะให้เงินเป็นรางวัลตามความยากง่ายของชนิดนกเงือก

ทดแทนรายได้ที่หายไปจากการขโมยลูกนกและตัดไม้เถื่อน

ช่วงนี้ชาวบ้านจะมีรายได้จากค่าแรงที่ทางโครงการฯ จะจ่ายเงินให้

แต่งานของพวกเขายังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ยังต้องซ่อมแซมรัง ทำโพรงเทียม

ที่ต้องปีนต้นไม้สูงกว่า 30 เมตร เพื่อช่วยให้นกเงือกเข้ารังมากขึ้น

ปัจจุบัน มีชาวบ้านตั้งแต่คนสูงอายุจนถึงวัยรุ่นและเด็ก ทั้งหญิงชาย

ทำงานกับโครงการศึกษาวิจัยด้านนิเวศวิทยาของนกเงือก 35 คน

และมีรายได้พอสมควรจากโครงการอุปการะนกเงือก ที่ได้เงินบริจาคจากประชาชนทั่วไป

ปรีดาเล่าให้ฟังว่า

“ตอนแรกผมต้องเข้าหาชาวบ้านอย่างอดทน เพื่อชักจูงให้พวกเขามาอนุรักษ์นกเงือก

ตั้งแต่การสื่อสารที่พูดภาษายาวีไม่ได้ บางทีโดนข่มขู่จนแทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะความไม่เข้าใจ”

แต่ในที่สุดชาวบ้านรอบเทือกเขาบูโดเริ่มเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์นกเงือก

และกลายมาเป็นผู้อนุรักษ์นกเงือกจำนวนมาก

ปรีดายังเชื่อว่า การอนุรักษ์ที่ยั่งยืน ชาวบ้านต้องมีส่วนร่วมและได้ประโยชน์

ทดแทนรายได้ที่ได้จากการขายลูกนกราคาตัวละครึ่งหมื่นบาท

25 ปีผ่านไป ปรีดาและชาวบ้านช่วยให้ลูกนกเงือกในป่าบูโด 600 กว่าตัวมีชีวิตรอด

ทำให้ชาวบ้าน และเยาวชนรอบๆป่า หันมาช่วยกันดูแลนกเงือกที่ใกล้จะสูญพันธุ์

ให้กลายเป็นแหล่งอนุรักษ์นกเงือก

และช่วยลดปัญหาสังคม จากเด็กวัยรุ่นที่เคยเที่่ยวเตร่ หรือติดยาเสพติด  เมื่อมาช่วยดูแลนกเงือก

สามารถมีรายได้จากที่ไม่มีอะไรทำ

นกเงือกแถวนี้จึงมีชาวบ้านหนุนหลังเป็นหลักค้ำประกันความปลอดภัย

แม้เมื่อเกิดความขัดแย้งรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้. แต่การทำงานของคนรักนกเงือกไม่ได้ลดลง

ยังมุ่งมั่นทำงานต่อไปจนทุกวันนี้  และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่อุทยาน

ตำรวจ ทหาร ชาวบ้าน ภาคเอกชน และรวมถึงคู่ขัดแย้งของเจ้าหน้าที่รัฐ

ทุกวันนี้มีชาวบ้าน 5 หมู่บ้านรอบๆเทือกเขาบูโดคอยปกป้องดูแลนกเงือกร่วมพันตัว

ความสำเร็จในการอนุรักษ์นกเงือกได้ทำให้ ปรีดาต้องเดินทางไปเป็นวิทยากรช่วยเผยแพร่ในป่าแห่งอื่นๆ

และเลยไปถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย แหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของนกเงือก

การอนุรักษ์และงานวิจัยนกเงือกในเมืองไทยก้าวหน้าในระดับโลก

ขณะที่หนุ่มจากเพาะช่างผู้ไม่เคยมีพื้นฐานด้านชีววิทยา กลายเป็นนักวิจัยนก

ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ให้การยอมรับว่าองค์ความรู้ใหม่ๆของนกเงือกมาจากงานวิจัยที่จริงจังของปรีดา

รายการสารคดีระดับโลกแทบทุกรายการ อาทิ National Geographic, BBC, NHK.ฯลฯ

ต่างมาถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีนกเงือกในเมือไทย ภายใต้การแนะนำของปรีดา

ออกฉายไปทั่วโลกหลายครั้ง

เพราะความศรัทธา ของคนตัวเล็กๆ ผู้มุ่งมั่นความรักนกเงือก

หลายสิ่งอันงดงามจึงบังเกิดขึ้น

 

หมายเหตุ: ร่วมบริจาคเงินอุปการะครอบครัวนกเงือกได้ทาง

บัญชีออมทรัพย์

“มูลนิธินกเงือก”

เลขบัญชี 026-2-75910-2

ธนาคารไทยพาณิชย์สาขารามาธิบดี

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

คณะวิทยาศาสตร์

มหาวิทยาลัยมหิดล

โทร.02-201-5532

hornbilladoption@gmail.com

IMG_6438
นกเงือกกรามช้าง

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s